Here’s Why You’re Struggling In Your Relationships, Based On Your Attachment Style
เหตุผลที่คุณล้มลุกคลุกคลานในความสัมพันธ์โดยอิงจากรูปแบบการผูกพัน
By Brianna WiestUpdated July 14, 2023
It’s common knowledge that most of our beliefs about the world are shaped in childhood, and most issues that people experience as adults have something to do with what was experienced in the earliest phases of life. Never is this more true than with romantic relationships. They are, after all, extensions of the bonds we build and things we come to understand about men, women and how they interact through our parents. Many people spend their lives re-creating their first familial relationships, often to their own detriment. Here, the four types of attachment styles children develop, and how understanding your own can help you stop struggling so much in your relationships now.
เป็นที่ทราบกันดีว่าโลกทัศน์ของเราส่วนใหญ่เกิดขึ้นในวัยเด็ก และปัญหาส่วนใหญ่ที่ผู้คนเผชิญเมื่อเป็นผู้ใหญ่นั้นเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในวัยเด็ก ไม่มีที่ไหนที่จะชัดเจนไปกว่าความสัมพันธ์แบบโรแมนติก ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นการขยายความสัมพันธ์ในครอบครัวของเรา เราได้รู้จักชายและหญิงและวิธีที่พวกเขามีปฏิสัมพันธ์ผ่านพ่อแม่ของเรา และผู้คนจำนวนมากใช้ชีวิตเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวครั้งแรกอีกครั้ง ซึ่งมักจะส่งผลเสีย ต่อไปนี้คือรูปแบบความผูกพันสี่รูปแบบที่พัฒนาขึ้นในช่วงวัยเด็ก การทำความเข้าใจรูปแบบความผูกพันสามารถช่วยให้คุณหยุดการดิ้นรนในความสัมพันธ์ได้
Secure ปลอดภัย
If you are someone who attaches securely, one or both of your parents were completely attuned to your needs during early childhood. You learned to trust people, and objectively struggle the least with relationships, as you don’t over-respond to the idea being rejected or dismissed. You just don’t fear it as much.
หากคุณเป็นคนที่ผูกพันกันอย่างแน่นหนา นั่นหมายความว่าพ่อแม่ของคุณคนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่เข้าใจและตอบสนองความต้องการของคุณตั้งแต่ยังเป็นทารก คุณเรียนรู้ที่จะไว้วางใจผู้อื่น ใกล้ชิดกับผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย และสามารถจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอย่างมีเหตุผล คุณไม่แสดงปฏิกิริยามากเกินไปต่อการถูกปฏิเสธ และคุณไม่ต้องกังวลกับการถูกทอดทิ้ง
However, if you are struggling in your relationships, it’s likely because of your complacency. You’re willing to stay in the wrong relationships for too long, because they’re “good enough,” but at the same time, you’re more hesitant to commit to the “right” relationships when they come along because there’s more risk involved. You are comfortable and prefer to stay that way, possibly at the detriment of your heart’s true desires. What you need to do is open up to the reality that love is scary, especially the kind of love that’s worthwhile. Take your time, but don’t choose the easy way out.
คุณประสบปัญหาในความสัมพันธ์ ส่วนใหญ่อาจเป็นเพราะความพึงพอใจของคุณ คุณยินดีที่จะอยู่ในความสัมพันธ์ที่ผิดเพียงเพราะอีกฝ่ายปฏิบัติต่อคุณอย่างดี และคุณเริ่มคุ้นเคยกับ “ความดี” นี้แล้ว แต่เมื่อความรู้สึก “ถูกต้อง” ที่แท้จริงเกิดขึ้น คุณจะลังเลที่จะกระทำเพราะมีความเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น คุณควรอยู่ในที่ที่คุณอยู่ตอนนี้โดยคิดว่ามันสบายกว่า ซึ่งอาจทำให้คุณไม่สามารถบรรลุความปรารถนาที่แท้จริงของหัวใจได้ สิ่งที่คุณต้องทำคือเผชิญมัน ความรักอาจเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดยเฉพาะความรักที่คุ้มค่า ใช้เวลาของคุณ แต่อย่าใช้ทางลัดง่ายๆ
Avoidant หลีกเลี่ยง
If you are someone with avoidant attachment, you were likely the child of parents who were emotionally unavailable and insensitive to your genuine needs. You became a “little adult” at a young age, avoided (and still avoid) expressing true pain or need for help (especially to parents/caretakers) and highly value your independence, almost to a fault. You are self-contained and most comfortable alone. Your parents likely punished you for feeling anything other than “happy,” or at least shamed you for crying or expressing your feelings in any way that wasn’t convenient for them. This likely has lead to intimacy issues, as you struggle to be your whole self around someone else.
หากคุณมีรูปแบบความผูกพันที่หลีกเลี่ยง อาจเป็นเพราะพ่อแม่ไม่ได้ทำให้คุณพึงพอใจทางอารมณ์และละเลยความต้องการภายในของคุณ คุณเติบโตตั้งแต่อายุยังน้อยและหลีกเลี่ยง (และยังคงหลีกเลี่ยง) การแสดงความเจ็บปวดหรือขอความช่วยเหลือ (โดยเฉพาะกับพ่อแม่/ผู้ดูแล) คุณให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระของคุณอย่างมากจนเกือบจะบิดเบี้ยว คุณเป็นอิสระและรู้สึกสบายใจที่สุดเมื่ออยู่คนเดียว พ่อแม่ของคุณอาจจะลงโทษคุณที่ไม่ดู “มีความสุข” หรืออย่างน้อยก็ดุคุณที่ร้องไห้หรือแสดงความรู้สึกในทางอื่นที่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจ สิ่งนี้อาจทำให้เกิดปัญหาในความสัมพันธ์ใกล้ชิดของคุณเพราะมันกลายเป็นเรื่องยากสำหรับคุณที่จะเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่เมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น
If you’re struggling in your relationships, it’s because you’ve grown to associate “imperfections” with dismissal. You think that opening up completely and genuinely will inevitably lead to you being unloved or rejected, because you learned at a young age that expressing genuine feelings could be dangerous. You are probably overly-accepting of other people’s flaws, but absolutely cannot tolerate any of your own. What you need to do is practice opening up to other people in a genuine way (start with friends, maybe) and see that you won’t be disowned for being who you are. Once you develop a more trusting attitude with others, it will become easier and easier to be intimate.
หากคุณกำลังประสบปัญหาในความสัมพันธ์ทางอารมณ์ นั่นเป็นเพราะว่าคุณมีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำเมื่อโตขึ้น ซึ่งทำให้คุณวิตกกังวลและขัดแย้งกับความสงสัยในตนเองอยู่ตลอดเวลา คุณไม่สามารถเปิดใจได้และกังวลอยู่เสมอว่าคุณจะถูกปฏิเสธหรือไม่ได้รับความรักอีกต่อไป เพราะคุณได้เรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อยว่าการแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมานั้นเป็นอันตราย คุณอาจอดทนต่อข้อบกพร่องของผู้อื่นมากเกินไป แต่คุณไม่สามารถอดทนต่อข้อบกพร่องของตนเองได้อย่างแน่นอน สิ่งที่คุณต้องทำคือฝึกฝนการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงของคุณ (อาจเริ่มกับเพื่อน) และดูว่าคุณจะไม่ถูกไล่ออกจากการเป็นตัวเองหรือไม่ เมื่อคุณพัฒนาทัศนคติที่ไว้วางใจต่อผู้อื่นมากขึ้น ความสัมพันธ์ก็จะมีความกลมกลืนกันมากขึ้น
Anxious กังวล
If you’ve developed an anxious attachment, it’s because your parents were inconsistently attuned to your needs. At times you were nurtured and loved, but at others they were overly-intrusive and insensitive.
หากคุณเป็นคนที่มีความผูกพันอย่างกระวนกระวาย นั่นเป็นเพราะว่าพ่อแม่ของคุณรับเอารูปแบบการเลี้ยงดูและทัศนคติที่ไม่สอดคล้องกันที่มีต่อคุณในวัยเด็ก บางครั้งคุณจะได้รับการดูแลและความรักอย่างพิถีพิถัน แต่บางครั้งพวกเขาจะเพิกเฉยหรือไม่สนใจคุณ
You likely struggle with indecisiveness and fear of the unknown, as you never know what kind of treatment to expect from people. You have a hard time trusting others, but at the same time, are easily overly-attached and clingy, even just to the idea of a person. This is because you are afraid of anything you haven’t grown to known as “safe,” and want to hang on to people rather than face your fear of the unknown.
คุณอาจเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าคนอื่นจะปฏิบัติต่อคุณอย่างไร คุณมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเชื่อใจผู้อื่น แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็อาจจะผูกพันและเกาะติดมากเกินไปได้อย่างง่ายดาย คุณกลัวการถูกทอดทิ้งอยู่เสมอ ความกลัวนี้ทำให้คุณกังวลเกี่ยวกับการได้รับและการขาดทุนและควบคุมได้เต็มที่ ดังนั้น คุณเพียงต้องการยึดมั่นใครสักคนและทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกดดันมากขึ้น
If you’re struggling in your relationships, it’s because you are spending too much time mind-reading, assuming, projecting, predicting and anticipating outcomes in an effort to “shield” yourself from pain, or because you refuse to let go out of fear that you’ll never find anybody else. Either way, you’re more in your head than in your heart, and you’re letting your life be guided by what you’re trying to avoid, as opposed to what you’re trying to achieve. Being better in your relationships will likely be the product of learning that the anxiety and urgency you feel is in your head. You need to work on refocusing your thoughts, differentiating reality from your fears, and surrounding yourself with trustworthy, caring people.
หากคุณกำลังดิ้นรนในความสัมพันธ์ทางอารมณ์ นั่นเป็นเพราะคุณใช้เวลามากเกินไปในการพยายามอ่านใจอีกฝ่าย ตั้งสมมติฐานและการคาดเดาต่างๆ เพื่อพยายาม “ปกป้อง” ตัวเองจากความเจ็บปวด หรือเพราะคุณกลัวว่าคุณจะไม่ สามารถหาคนอื่นได้ หาคนรักที่ดีกว่า และไม่ยอมปล่อยมือไป หากคุณต้องการให้ความใกล้ชิดของคุณดีขึ้น คุณต้องตระหนักถึงความวิตกกังวลและความเร่งด่วนของคุณ คุณต้องมีสมาธิอีกครั้ง แยกความเป็นจริงออกจากความกลัว และรายล้อมตัวเองด้วยผู้คนที่รักและไว้วางใจได้
Disorganized วุ่นวาย
If you formed a disorganized attachment in childhood, it is because your parents or caretakers were abusive, frightening or even life-threatening. You wanted to escape, yet your livelihood depended on the very people who were hurting you most. You may not have been fully able to escape until adulthood. Your attachment figure was your main source of distress, and to survive, you were forced to begin disassociating from yourself.
หากคุณพัฒนาความผูกพันที่ไม่เป็นระเบียบในวัยเด็ก อาจเป็นเพราะพ่อแม่หรือผู้ดูแลข่มเหงคุณ ทำให้คุณหวาดกลัว หรือแม้แต่คุกคามชีวิตคุณ คุณต้องการที่จะหลบหนี แต่ความอยู่รอดของคุณขึ้นอยู่กับผู้ที่ทำร้ายคุณมากที่สุด อาจไม่จนกว่าคุณจะเป็นผู้ใหญ่ที่คุณจะหลุดพ้นจากการพึ่งพาอาศัยกันนี้โดยสิ้นเชิง สถานะความผูกพันของคุณเป็นสาเหตุสำคัญของความเจ็บปวดสำหรับคุณ และคุณถูกบังคับให้เริ่มวาดขอบเขตกับตัวเองเพื่อความอยู่รอด
If you’re struggling in your relationships, it’s because you haven’t learned to listen to your emotional navigation system yet. You aren’t choosing partners you genuinely care about, or are ignoring your instincts because you grew up being forced not to trust yourself. Sure, you were in pain, but if you wanted to survive, you had to ignore that pain and convince yourself everything was alright. What you need to do is some very serious mental/emotional work, that likely involves recalling your past trauma, and re-writing your narrative of what happened in your life. You will need to re-associate with your inner guidance system, and learn to trust it more than you do your thoughts or ideas.
หากคุณประสบปัญหาในความสัมพันธ์ทางอารมณ์ นั่นเป็นเพราะคุณไม่ได้เรียนรู้ที่จะฟังอารมณ์ของตัวเอง คุณล้มเหลวในการเลือกคู่ครองที่คุณชอบอย่างแท้จริงและเพิกเฉยต่อสัญชาตญาณของคุณเพราะคุณถูกเลี้ยงดูมาให้ไม่ไว้วางใจตัวเอง คุณกำลังเจ็บปวด แต่ถ้าคุณต้องการมีชีวิตรอด คุณทำได้เพียงหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดและโน้มน้าวตัวเองว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เพื่อที่จะออกจากสถานการณ์นี้ คุณต้องปรับเปลี่ยนจิตใจ/อารมณ์ รวมถึงการนึกถึงบาดแผลในอดีต และจดบันทึกประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิตของคุณ คุณต้องเชื่อมต่อกับระบบนำทางภายในของคุณอีกครั้ง และเรียนรู้ที่จะไว้วางใจมัน แทนที่จะแค่ทำตามความคิดของคุณ
จาก 101 บทความเปลี่ยนชีวิตที่จะเปลี่ยนวิธีคิดคุณ (101 Essays That Will Change The Way You Think) ผู้เขียน Brianna Wiest
ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์