SIGNS YOUR MENTAL BREAKDOWN is actually AN EMOTIONAL BREAKTHROUGH
สัญญาณที่บอกว่าอันที่จริงอาการจิตตกของคุณคือความก้าวหน้าครั้งสำคัญทางอารมณ์
12 Signs Your Mental Breakdown Is Actually An Emotional Breakthrough
By January Nelson, October 18th 2015
‘Breakdowns are usually breakthroughs that we just haven’t seen the other side of yet.’ การพังทลายมักเป็นความก้าวหน้าที่เรายังไม่เคยเห็นอีกด้านหนึ่ง
1. You’re questioning everything. คุณเริ่มตั้งคำถามกับทุกสิ่ง
You’re done believing that things are as they appear, or that what you were raised to believe about something is the right way to think overall. You’re exploring new ideas of philosophy and spirituality and politics and thought, and you’re coming to find that you didn’t know what you didn’t know. คุณหยุดถือเอาสิ่งต่างๆ และเริ่มตั้งคำถามว่าสิ่งที่คุณถูกสอนให้เชื่อนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ คุณเริ่มสำรวจแนวความคิดและแนวโน้มใหม่ๆ ในปรัชญาและการเมือง และคุณจะค้นพบบางสิ่งที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน
2. You’re realizing that there’s a difference between happy thoughts and happy feelings. คุณเริ่มตระหนักว่ามีความแตกต่างระหว่างความคิดที่มีความสุขและความรู้สึกที่เป็นสุข
You’ve been trying to fill yourself up with “happy thoughts” forever, only to find that you get attached to a certain outcome (that doesn’t become reality) and you’re even unhappier in the first place. You’re realizing that there’s a difference between “a way of thinking that lets you enjoy the moment” and “a way of thinking that makes you happy about potentials, possibilities, and things that are everything but what’s actually happening.” คุณได้พยายามปลูกฝังกรอบความคิดแห่งความสุข แต่กลับพบว่าคุณผูกพันกับผลลัพธ์ (ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นรูปธรรม) มากจนคุณรู้สึกมีความสุขน้อยกว่าตอนเริ่มต้นเสียอีก คุณตระหนักดีว่ามีความแตกต่างระหว่างวิธีคิดที่ทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาปัจจุบันกับวิธีคิดที่ทำให้คุณมีความสุขกับสิ่งที่เป็นไปได้
3. You’re starting to see patterns. คุณเริ่มเห็นรูปแบบ
You’re realizing that many of the things that keep resurfacing in your life — relationships, jobs, ideas, feelings — are products of what you believe they are or should be. They are patterns, and maybe if you could figure out how to change them, the way they emerge would change, too. คุณเริ่มตระหนักว่าความสัมพันธ์ งาน ความคิด และความรู้สึกของคุณล้วนเป็นผลมาจากความเชื่อภายในของคุณเกี่ยวกับสิ่งที่คุณคิดว่ามันเป็นหรือควรจะเป็น พวกเขาเป็นประจำ หากคุณสามารถทราบวิธีเปลี่ยนรูปแบบเหล่านี้ได้ รูปแบบเหล่านั้นก็อาจเปลี่ยนไปเช่นกัน
4. You feel irrationally angry. คุณรู้สึกโกรธอย่างไม่มีเหตุผล
Anger is a good emotion, that is, when you finally figure out that you’re not mad at the world — you’re mad at yourself. This is usually what happens right before change is going to be made. Anger’s younger siblings: dissatisfaction, resentment, irritation, self-pity, etc. are unpleasant but not disturbing enough to make you act. Anger makes you act. It burns through you and delivers you somewhere new. ความโกรธเป็นอารมณ์ที่ดี พูดง่ายๆ ก็คือเมื่อคุณค้นพบในที่สุดว่าคุณไม่ได้โกรธโลก แต่โกรธตัวเอง นั่นหมายความว่าคุณกำลังจะเปลี่ยนแปลง พี่น้องที่มีความโกรธ เช่น ความไม่พอใจ ความขุ่นเคือง ความขุ่นเคือง สมเพชตัวเอง ฯลฯ ก็ไม่เป็นที่พอใจเช่นกัน แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณลงมือทำ ในขณะที่ความโกรธทำให้คุณลงมือทำ มันจะจุดประกายคุณและพาคุณไปสู่ทิศทางใหม่
5. You’re starting to question: “is this all there is?” คุณเริ่มตั้งคำถาม: “แค่นี้เหรอ?”
You’re starting to wonder whether or not you really were meant to just sleep, eat, work then die. You’re starting to wonder if this is all that exists, or if it’s a small aperture for a far greater reality. คุณเริ่มสงสัยว่าชีวิตคุณถูกกำหนดไว้แค่นอน กิน ทำงาน แล้วก็ตายจริงๆ หรือไม่ คุณเริ่มสงสัยว่านี่คือความหมายของชีวิต หรือนี่เป็นเพียงเส้นทางแคบ ๆ สู่โลกกว้าง
6. You had the million dollar idea, found The Relationship, got the big break, and all of a sudden, you’re paralyzed. คุณมีไอเดียมูลค่าหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐ คุณได้พบหุ้นส่วนแล้ว คุณก้าวหน้าไปมาก และจู่ๆ คุณก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย
We call this some good ol’ resistance. When we perceive happiness, we perceive fear to an equal degree. It’s not actually that you’re resisting your new life, it’s that your very clearly identifying what you want (and experiencing a natural, and balanced amount of fear about it). เมื่อเรารู้สึกมีความสุข เราก็รู้สึกกลัวด้วย นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณกำลังต่อต้านชีวิตใหม่ของคุณ แต่มันหมายความว่าคุณรู้ว่าคุณต้องการอะไร
7. It seems like your emotional state is unwarranted. สถานะทางอารมณ์ของคุณดูน่าสับสนเล็กน้อย
You shouldn’t feel anxious and depressed, but you do. There’s no reason for your irrational fears, but they’re there. You can’t quite make sense of what you’re feeling, and you realize that’s because you’re in the process of developing that skill. คุณไม่ควรรู้สึกวิตกกังวลและหดหู่แต่คุณก็รู้สึกเช่นนั้น คุณไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัว แต่ความกลัวอยู่ที่นั่น คุณไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างถ่องแท้เพราะคุณกำลังพัฒนาความสามารถในการยอมรับมัน
8. You’re uncertain about who you really are. คุณไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นใคร
You have come to terms with the fact that you’ve defined yourself based on either how people see you, or how you think you should be, and there’s a bit discrepancy between what you think you want and what you actually want. คุณนิยามตัวเองจากสิ่งที่คนอื่นคิดกับคุณหรือสิ่งที่คุณคิดเกี่ยวกับตัวเอง แต่มีช่องว่างระหว่าง “สิ่งที่คุณคิดว่าคุณต้องการ” และ “สิ่งที่คุณต้องการจริงๆ”
9. You’re experiencing feelings and fears you had when you were a kid. คุณกำลังประสบกับความรู้สึกและความกลัวในวัยเด็ก
It’s all coming back up to the surface, and what you’re realizing is that it was never really gone in the first place. The thoughts, ideas, beliefs and feelings you kept tucked away were silently guiding your life. You just didn’t know. ทุกอย่างปรากฏชัดแจ้ง และในที่สุดคุณก็ตระหนักได้ว่าความรู้สึกและความกลัวเหล่านี้ไม่เคยหายไปจริงๆ ความคิด ความคิด ความเชื่อ และความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ของคุณกำลังแอบนำทางชีวิตของคุณ แต่คุณแค่ไม่รู้
10. You’re terrified of loss right now. ตอนนี้คุณกลัวที่จะสูญเสีย
Namely, you’re terrified of losing one specific thing that you think, in some way, will “save” you (even just emotionally). This is what happens when you begin to realize that nothing can do that for you. You’re not afraid of loss, you’re afraid of being forced to accept that reality before you think you’re ready. นั่นคือคุณกลัวที่จะสูญเสียสิ่งที่คุณคิดว่าจะ “ช่วย” คุณได้ในทางใดทางหนึ่ง (แม้ว่าจะเป็นเพียงอารมณ์ก็ตาม) ในความเป็นจริง มันเป็นความกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มตระหนักว่าไม่มีบางสิ่งที่สามารถ “ช่วย” คุณได้ คุณไม่ได้กลัวที่จะสูญเสีย คุณแค่กลัวที่จะถูกบังคับให้ยอมรับมันก่อนที่คุณจะรู้สึกว่าคุณพร้อม
11. You’re giving up on the things you need to give up on. คุณยอมแพ้ในสิ่งที่ควรยอมแพ้
You’re not giving up on your dreams. You’re not giving up on your relationship. You are simply giving up on the idea that these things will be something more than what they are. You are giving up on what’s not right for you. You’re learning that “giving up” is such a negative term for something that’s really healthy when necessary. คุณไม่ได้ละทิ้งความฝันของคุณ คุณไม่ได้ละทิ้งความสัมพันธ์ของคุณ คุณเพียงแค่ละทิ้งแนวคิดนี้และหยุดประเมินคุณค่าของมันสูงเกินไป คุณละทิ้งบางสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อคุณ คุณเริ่มเข้าใจว่าแม้บางครั้งคำว่า “ยอมแพ้” จะเป็นคำเชิงลบ แต่เมื่อจำเป็น มันก็เป็นพฤติกรรมเชิงบวกจริงๆ
12. You’ve decided you’re not going to be the victim of your own mind anymore. คุณตัดสินใจที่จะไม่ยึดติดกับความคิดในอดีตเหล่านั้น
People don’t have breakdowns unless they are on the precipices of “breakthroughs.” Breakdowns — or any kind of intense mental-emotional turmoil — is always a sign that things are in the process of changing. Otherwise, they’d just be “normal.” You’re done accepting your old “normal,” and you’re onto bigger, better, brighter, happier things. ผู้คนจะไม่แตกสลายเว้นแต่พวกเขาจะจวนจะ “ทะลุทะลวง” การล่มสลายหรือการเปลี่ยนแปลงทางจิตและอารมณ์ที่รุนแรงใดๆ เป็นสัญญาณว่าสิ่งต่างๆ กำลังจะเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้น คุณจะมีแต่ “เรื่องปกติ” ในชีวิต เมื่อคุณมี “ความปกติ” แบบเก่าๆ มากพอแล้ว คุณก็หวังว่าจะมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ดีกว่า สว่างกว่า และมีความสุขมากขึ้น
จาก 101 บทความเปลี่ยนชีวิตที่จะเปลี่ยนวิธีคิดคุณ (101 Essays That Will Change The Way You Think) ผู้เขียน Brianna Wiest
ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์