The 21 Irrefutable Laws of Leadership by John C. Maxwell (Author), Steven R. Covey (Foreword)
กฎ 21 ข้อที่ไม่มีผู้นำคนไหนปฏิเสธได้ : : Follow Them and People Will Follow You — Summary
ผมเชื่อว่าคุณจะเพลิดเพลินและได้รับประโยชน์จากการอ่านหนังสือเล่มนี้เช่นเดียวกับผม เพราะคุณจะได้พบกับเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับความเป็นผู้นำที่น่าทึ่งและสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างพอเพียง
— สตีเฟน อาร์. โควีย์ —
ผู้เขียนหนังสือเรื่อง The 7 Habits of Highly Effective People
Everyone has the Potential to become a Leader ทุกคนมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำ
Leadership ability determines a person ’s level of Effectiveness ความสามารถในการเป็นผู้นำกำหนดระดับประสิทธิผลของบุคคล
- The Law of the Lid
Leadership Ability Determines a Person’s Level of Effectiveness ความสามารถในการเป็นผู้นำเป็นตัวกำหนดระดับประสิทธิผลของบุคคล
Your leadership ability — for better or worse — determines your effectiveness and your potential impact in your organization ความสามารถในการเป็นผู้นำของคุณ — ดีขึ้นหรือแย่ลง — กำหนดประสิทธิภาพและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในองค์กรของคุณ
To reach the highest level of effectiveness, you have to raise the lid on your leadership ability. เพื่อบรรลุระดับประสิทธิภาพสูงสุด คุณต้องยกระดับความสามารถในการเป็นผู้นำของคุณ
กฎข้อที่ 1 กฎแห่งเพดาน
กฎแห่งเพดาน บอกว่า “ความสามารถในการเป็นผู้นำ เปรียบเสมือนเพดาน ที่กำหนดระดับประสิทธิผลของคนในทีม ยิ่งความสามารถในการเป็นผู้นำต่ำลงเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ศักยภาพของคนในทีมต่ำลงเท่านั้น” ถ้าสมมติว่าแบ่งความสามารถในการเป็นผู้นำของคนเราเป็น 10 ระดับ และเมื่อเราจะต้องการเป็นระดับที่ 10 ของความเป็นผู้นำมากแค่ไหนก็ตาม ความสามารถในการเป็นผู้นำของเรา ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ทักษะด้านคน ความสามารถในการวางแผน วิสัยทัศน์ ความทุ่มเทในการทำงานให้สำเร็จ และผลงานที่ผ่านมาในอดีต
เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของคุณ คุณมีทางเลือกสองทาง คุณสามารถทำงานหนักมากเพื่อเพิ่มการอุทิศตนเพื่อความสำเร็จและความเป็นเลิศ — เพื่อมุ่งสู่การเป็น 10 เป็นไปได้ว่าคุณสามารถไปถึงระดับนั้นได้
Lid Lifting experiences เพื่อเพิ่มความสามารถในการเป็นผู้นำ
- Seek opportunities to grow your leadership แสวงหาโอกาสในการเติบโตความเป็นผู้นำของคุณ
- Search for opportunities to improve organizational structures and procedures ค้นหาโอกาสในการปรับปรุงโครงสร้างและขั้นตอนขององค์กร
- Seize opportunities to create greater efficiencies and to assist others in lifting their lids คว้าโอกาสเพื่อสร้างประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและช่วยเหลือผู้อื่นในการยกระดับ
Every leader faces obstacles, challenges, tests, and trials. — Ineffective leaders will wait to see what happens during these times ผู้นำทุกคนต้องเผชิญกับอุปสรรค ความท้าทาย การทดสอบ และการทดลอง — ผู้นำที่ไม่มีประสิทธิภาพจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาเหล่านี้ -
Effective leaders will act by seizing the moment and will rise to the challenge. ผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะทำหน้าที่โดยฉวยโอกาสและลุกขึ้นสู้
Lids ที่ผู้นำเผชิญได้
- Fear
- Impatience
- Denial
- Impulsiveness
- Deceit
- Jealously
- Anger
- Confidence
- Lack of Knowledge
- Lack of Understanding
- Peoples’ perception of them
- What are your Leadership Lids?
Bring the Law of the Lid to Life
- How are you with the various lids in your life? คุณเป็นอย่างไรบ้างกับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตของคุณ?
- What is your attitude concerning them? ทัศนคติของคุณเกี่ยวกับพวกเขาเป็นอย่างไร?
- Are you taking responsibility for them? คุณมีความรับผิดชอบต่อพวกเขาหรือไม่?
- Do you have enough humility and courage to allow a lid lifter into your area of need? คุณมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและกล้าหาญพอที่จะยอมให้ผู้ยกฝาเข้ามาในพื้นที่ที่คุณต้องการหรือไม่?
2. The Law of Influence
The True Measure of Leadership Is Influence — Nothing More, Nothing Less การวัดความเป็นผู้นำที่แท้จริงคืออิทธิพล — ไม่มีอะไรมาก ไม่มีอะไรน้อย
คุณใช้เวลาบ่อยแค่ไหนในการถามคําถามสําคัญกับตัวเอง: คุณมีอิทธิพลต่อใคร
ถ้าคุณไม่มีอิทธิพล คุณจะไม่สามารถนำผู้อื่นได้
“You have achieved excellence as a leader when people will follow you everywhere if only out of curiosity.” — Colin Powell
คุณได้บรรลุความเป็นเลิศในฐานะผู้นำ เมื่อผู้คนจะติดตามคุณไปทุกหนทุกแห่งหากเพียงเพราะอยากรู้อยากเห็น
กฎข้อที่ 2 กฎแห่งอิทธิพล
กฎแห่งอิทธิพลคือ “การวัดความเป็นผู้นำที่แท้จริงนั้น คือการวัดว่าเรามีอิทธิพลต่ออะไรมากหรือน้อยกว่า” เป็นคำพูดที่ดี แต่เราใช้เวลาถามตัวเองบ่อยแค่ไหนว่าคุณมีอิทธิพลต่อใคร? หรืออะไรบ้าง ?
คำถามที่ใหญ่กว่าสำหรับเราที่จะต้องถาม คือเราแสดงอิทธิพลประเภทใดให้กับผู้ที่ติดตามเรา? ผู้นำที่ไม่ดีมักมีอิทธิพลต่อคนอื่นในลักษณะที่ ทำให้ผู้อื่นตกต่ำเพื่อปกป้องตำแหน่งผู้นำของตนเอง ซึ่งจริงๆแล้ว ผู้นำที่ดีที่สุดต้องรู้ตัวว่า การเป็นผู้นำนั้นเกี่ยวกับการยกระดับผู้ตาม ให้มีศักยภาพสูงสุด แม้ว่าวันหนึ่งพวกเขาจะกลายเป็นผู้นำที่ดีกว่าตัวเองก็ตาม
ความเป็นผู้นำไม่ได้ถูกกำหนดโดยชื่อ ตำแหน่ง ไม่สำคัญว่าเราจะเป็นซีอีโอ ผู้อำนวยการ หรือ ผู้กำกับ อะไรพวกนั้น เราไม่ใช่ผู้นำที่แท้จริง หากไม่มีผู้ตามที่ทำตามที่เราบอก การพิสูจน์ความเป็นผู้นำให้ไปดูที่ตัวผู้ตามครับ
แก่นแท้ของพลังทั้งหมดที่มีอิทธิพลคือการทำให้ผู้อื่นมีส่วนร่วม
หากคุณไม่สามารถโน้มน้าวผู้อื่นได้ พวกเขาก็จะไม่ติดตามคุณ และหากพวกเขาไม่ปฏิบัติตาม แสดงว่าคุณไม่ใช่ผู้นำ นั่นคือกฎแห่งอิทธิพล ไม่ว่าใครจะบอกคุณอย่างไร จำไว้ว่าความเป็นผู้นำคืออิทธิพล — ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น
3. The Law of Process
Leadership Develops Daily, Not in a Day ภาวะผู้นำพัฒนาขึ้นทุกวัน ไม่ใช่วันเดียว
กฎข้อที่ 3 กฎแห่งกระบวนการ
กฏแห่งกระบวนการ คือ เราสามารถบอกได้ว่าคน ๆ นั้นสุดท้ายแล้ว เขาจะเป็นแบบไหน ดูได้จากนิสัยและลำดับความสำคัญที่เขาทำในชีวิตประจำวันของพวกเขา หมายความว่าในฐานะผู้นำเราต้องมีแผนของเราสำหรับการที่เราจะเติบโตไปในทิศทางไหน ทุกสิ่งเหล่านี้มีส่วนช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายที่เราต้องการได้ เหมือนกำหนดกระบวนการเพื่อไปถึงเป้าหมายได้อย่างถูกทิศถูกทางนั่นเองครับ ดังนั้นจึงไม่สำคัญว่าเราจะไปที่จุดไหน หากเราไม่ได้พิจารณาก่อนว่าคุณควรจะเดินทางไปไหนเพื่อไปที่นั่น
กฎแห่งกระบวนการก็เข้ามามีบทบาทเช่นกันเมื่อเรามุ่งมั่นที่จะนำผู้อื่น ซึ่งในขณะที่เราเป็นผู้นำคนอื่น ๆ เราต้องกำหนดเส้นทางสู่ความสำเร็จ ทั้งตัวเราเองที่ต้องเติบโตขึ้น และคนอื่นๆ ต้องเติบโตตามด้วยเช่นกันครับ
ความเป็นผู้นำก็เหมือนการลงทุน — มันรวมเข้าด้วยกัน อาจต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตในการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง
ความลับของความสำเร็จของเรามีอยู่ในวาระประจำวันของเรา
ความจริงที่บางคนเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่เป็นธรรมชาติมากกว่าคนอื่นๆ แต่ความสามารถในการเป็นผู้นำจริงๆ แล้วเป็นชุดของทักษะ ซึ่งเกือบทั้งหมดสามารถเรียนรู้และปรับปรุงได้ แต่กระบวนการนั้นไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน ภาวะผู้นำนั้นซับซ้อน มีหลายแง่มุม: ความเคารพ ประสบการณ์ ความแข็งแกร่งทางอารมณ์ ทักษะของผู้คน วินัย วิสัยทัศน์ โมเมนตัม จังหวะเวลา — ยังมีรายการต่อไป อย่างที่คุณเห็น ปัจจัยหลายอย่างที่มีบทบาทในการเป็นผู้นำนั้นไม่มีตัวตน นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้นำต้องการการปรุงรสอย่างมากจึงจะได้ผล
ผู้นำคือการเรียนรู้
ค้นพบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการเติบโตและความเป็นผู้นำ: “มันคือความสามารถในการพัฒนาและปรับปรุงแผนงาน” ผู้นำที่ประสบความสำเร็จคือการเรียนรู้ และกระบวนการเรียนรู้กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งเป็นผลมาจากความมีวินัยในตนเองและความอุตสาหะ เป้าหมายในแต่ละวันจะต้องดีขึ้นเล็กน้อย เพื่อสร้างความก้าวหน้าของวันก่อน
“It ’s not the position that makes the leader: it’s the leader that makes the position.” — Stanley Huffty
ไม่ใช่ตำแหน่งที่สร้างผู้นำ แต่เป็นผู้นำที่สร้างตำแหน่ง
เพื่อนำไปสู่วันพรุ่งนี้ เรียนรู้วันนี้ ต่อสู้เพื่อหนทางของคุณ ไม่มีความสำเร็จในชั่วข้ามคืน
THE SECRET OF SUCCESS IN LIFE IS FOR A MAN TO BE READY FOR HIS TIME WHEN IT COMES.- BENJAMIN DISRAELI
ความลับของความสำเร็จในชีวิตมีให้โดยมนุษย์ที่ต้องพร้อมสำหรับเวลาของเขาเมื่อถึงเวลา
คำถามสุดท้ายคือ “ใครกำลังติดตามฉันอยู่”
4. The Law of Navigation
Anyone Can Steer the Ship, But It Takes a Leader to Chart the Course ใครๆ ก็บังคับเรือได้ แต่ต้องใช้ผู้นำในการสร้างแผนผังเส้นทาง
กฎข้อที่ 4 กฏแห่งการนำทาง
เราสามารถนำทางธุรกิจหรือองค์กรของเรา ผ่านความท้าทายและอุปสรรคเพื่อไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุดให้ได้ โดยเราต้องคือคนที่ควบคุมทิศทาง ไม่ใช่ให้มันมาควบคุมเรา เช่น ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น เราก็จะเขวออกนอกทิศทางตามสถานการณ์ไปเรื่อย จนหลุดออกจากจุดหมายของเราในท้ายที่สุดนั่นเอง
Jack Welch อดีต CEO ของ General Electric ว่า “A good leader remains focused… Controlling your direction is better than being controlled by it.” “ ผู้นําที่ดียังคงจดจ่อ… การควบคุมทิศทางดีกว่าการถูกควบคุม”
กฎแห่งการนำทางเป็นจุดที่ความเป็นผู้นำสร้างความแตกต่างจากผู้คนอื่นๆ ได้ จากประสบการณ์ที่เคยเจอ ดังนั้นผู้นำจะตอบสนองล่วงหน้าสำหรับปัญหา หรือความท้าทายที่จะพบเจอ และก้าวไปข้างหน้าไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ ตรงนี้สำคัญกว่าวิสัยทัศน์ เพราะตรงนี้คือการกำหนดสิ่งที่จะทำให้วิสัยทัศน์ของเราบรรลุผลได้
CHARTING THE COURSE WITH A NAVIGATION STRATEGY
- Predetermine a Course of Action. กำหนดแนวทางปฏิบัติล่วงหน้า
- Lay Out Your Goals. วางเป้าหมายของคุณ
- Adjust Your Priorities. ปรับลำดับความสำคัญของคุณ
- Notify Key Personnel. แจ้งคนที่เป็นคนสำคัญ เริ่มกับคนที่ได้รับอิทธิพลมากที่สุด
- Allow Time for Acceptance. ให้เวลาสำหรับการยอมรับ
- Head into Action. มุ่งหน้าสู่การดำเนินการ
- Expect Problems. คาดหวังปัญหา
- Always Point to the Successes. ชี้ไปที่ความสำเร็จเสมอ
- Daily Review Your Planning. ทบทวนการวางแผนของคุณทุกวัน
5. The Law of E. F. Hutton
When the Real Leader Speaks, People Listen เมื่อผู้นำที่แท้จริงพูด คนก็ฟัง
กฎข้อที่ 5 กฎแห่งเพิ่มเติม
กฎแห่งการเพิ่มเติมคือ ผู้นำเพิ่มคุณค่าโดยการให้บริการผู้อื่น เราเพิ่มคุณค่าให้กับผู้อื่นเมื่อเราเห็นคุณค่าของพวกเขาอย่างแท้จริง และตั้งใจทำให้ตัวเองมีคุณค่าต่อพวกเขา วิธีที่ดีที่สุดที่เราทำ คือ ทำความรู้จักกับคนที่เราเป็นผู้นำ ค้นหาและรับรู้ เป้าหมาย ความหวัง และความฝันของพวกเขา จากนั้นหาสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อช่วยพวกเขาในการไปยังที่ที่พวกเขาต้องการ ผู้นำที่ไม่มีประสบการณ์ จะเป็นผู้นำได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรู้อะไรเกี่ยวกับคนที่พวกเขาจะเป็นผู้นำ แต่ผู้นำที่เป็นดี จะรับฟัง เรียนรู้ แล้วจึงเป็นผู้นำ
เมื่อคุณเรียนรู้กฎของ E.F. HUTTON แล้ว คุณจะไม่มีปัญหาในการค้นหาว่าใครคือผู้นำที่แท้จริงในทุกสถานการณ์ ตัวอย่างเช่น ไปพบกับกลุ่มคนที่คุณไม่เคยพบมาก่อนและชมพวกเขาเป็นเวลาห้านาที คุณจะรู้ว่าใครเป็นผู้นำ เมื่อมีคนถามคำถาม ใครดูบ้าง? พวกเขารอฟังใคร? บุคคลที่พวกเขามองหาคือผู้นำที่แท้จริง
ลองมัน. ครั้งต่อไปที่คุณอยู่ในที่ประชุม ให้มองไปรอบๆ ตัวคุณ ดูว่าคุณสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างผู้นำสองประเภทนี้หรือไม่:
ผู้นำที่แท้จริงจะกลายเป็นผู้นำที่แท้จริงภายในกลุ่มได้อย่างไร? ดังที่ข้าพเจ้าได้อธิบายไว้ในบทว่าด้วยกฎหมายแห่งกระบวนการ ภาวะผู้นำไม่ได้พัฒนาได้ในเวลาเพียงวันเดียว บุคคลไม่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำ ในช่วงเวลาหนึ่ง เจ็ดประเด็นสำคัญที่เปิดเผยตัวตนในชีวิตของผู้นำที่ทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าในฐานะผู้นำ:
- Positional Leaders
- Real Leaders
- Speak first
- Speak later
- Need the influence of the real leader to get things done
- Need only their own influence to get things done
- Influence only the other positional leaders
- Influence everyone in the room
ผู้คนกลายเป็นผู้นำที่แท้จริงเพราะ …
- CHARACTER — WHO THEY ARE
- RELATIONSHIPS — WHO THEY KNOW
- KNOWLEDGE — WHAT THEY KNOW
- INTUITION — WHAT THEY FEEL
- EXPERIENCE — WHERE THEY HAVE BEEN
- PAST SUCCESS — WHAT THEY’VE DONE
- ABILITY — WHAT THEY CAN DO
ผู้คนมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อคุณสื่อสาร? เมื่อคุณพูด คนฟังไหม — ฉันหมายถึงฟังจริงๆ เหรอ? หรือพวกเขารอฟังสิ่งที่คนอื่นพูดก่อนทำ? คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับความเป็นผู้นำของคุณได้หากคุณกล้าที่จะถามและตอบคำถามนั้น นั่นคือพลังของกฎของ EF Hutton
6. The Law of Solid Ground
Trust Is the Foundation of Leadership ความไว้วางใจคือรากฐานของความเป็นผู้นำ
กฎข้อที่ 6 กฎแห่งรากฐานและความมั่นคง
ความไว้วางใจเป็นรากฐานของความเป็นผู้นำ นี่อาจเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผู้นำจะต้องเจอ มีคนจำนวนมากที่ไม่แยแสกับผู้นำ ที่ทำเพื่อตัวเองอย่างเดียว ดังนั้นความไว้วางใจจึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการเป็นผู้นำ หากเราไม่มีความไว้วางใจเราก็ไม่มีอะไรจะที่จะมอบให้ผู้ตามเลย
ผู้นำได้รับความเคารพได้อย่างไร? ด้วยการตัดสินใจอย่างถูกต้องโดยยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเขาเอง และโดยให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ตาม และองค์กร มากกว่าเรื่องส่วนตัวของเขาเอง
ความไว้วางใจเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของเรา
ความไว้วางใจคือรากฐานของความเป็นผู้นำ
ความสามารถ การเชื่อมต่อ และคุณลักษณะ ผู้คนจะให้อภัยความผิดพลาดเป็นครั้งคราวโดยอิงจากความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาเห็นว่าคุณยังเติบโตในฐานะผู้นำ แต่พวกเขาจะไม่ไว้ใจใครซักคนที่มีลักษณะนิสัยเสีย ในพื้นที่นั้น
แม้แต่รอบนอกเป็นครั้งคราวก็ยังเป็นอันตรายถึงชีวิต ผู้นำที่มีประสิทธิภาพทุกคนรู้ความจริงนี้
CRAIG WEATHERUP ประธานและซีอีโอของ Pepsico รับทราบว่า “ผู้คนจะยอมรับความผิดพลาดอย่างตรงไปตรงมา แต่ถ้าคุณละเมิดความไว้วางใจของพวกเขา คุณจะพบว่ามันยากมากที่จะได้รับความมั่นใจกลับคืนมา นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณต้องปฏิบัติต่อความไว้วางใจในฐานะทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของคุณ คุณอาจหลอกเจ้านายของคุณได้ แต่คุณไม่สามารถหลอกเพื่อนร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณได้”
นายพล H. Norman Schwarzkopf ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของตัวละคร: “ภาวะผู้นำคือการผสมผสานระหว่างกลยุทธ์และคุณลักษณะที่มีศักยภาพ แต่ถ้าคุณต้องปราศจากใครก็จงปราศจากกลยุทธ์” ความน่าเชื่อถือของตัวละครและความเป็นผู้นำเป็นสิ่งที่คู่กันเสมอ
“คุณไม่สามารถทำอะไรมากมายในชีวิตได้ หากคุณทำงานเฉพาะในวันที่คุณรู้สึกดี” หากคนของคุณไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไรจากคุณในฐานะผู้นำ ถึงจุดหนึ่งพวกเขาก็จะไม่มองคุณเพื่อเป็นผู้นำ
ไม่มีผู้นำคนใดสามารถทำลายความไว้วางใจกับคนของเขาและคาดหวังว่าจะมีอิทธิพลต่อพวกเขาต่อไป ความไว้วางใจเป็นรากฐานของความเป็นผู้นำ ฝ่าฝืนกฎแห่งพื้นแข็ง และคุณผ่านพ้นไปในฐานะผู้นำ
คิดในแง่ของทิศทางที่พวกเขาต้องการจะไปและใครที่พวกเขาต้องการพาไปด้วย
7. The Law of Respect
People Naturally Follow Leaders Stronger Than Themselves ผู้คนมักจะติดตามผู้นำที่เข้มแข็งกว่าตัวเอง
กฏข้อที่ 7 กฏแห่งการนับถือ
สิ่งที่จำเป็นนกจากความไว้ใจ คือความเคารพ กฎแห่งความเคารพเตือนเราว่า “ โดยธรรมชาติแล้วผู้คนจะติดตามผู้นำที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง” เมื่อผู้คนเคารพเราในฐานะบุคคลพวกเขาก็ชื่นชมเรา เมื่อพวกเขาเคารพเราในฐานะเพื่อนพวกเขารักเรา เมื่อพวกเขาเคารพเราในฐานะผู้นำพวกเขาก็ทำตามเรา ตรงกันข้ามก็เป็นจริงเช่นกันแค่เติมคำว่าไม่ไปครับ ทันทีที่ผู้คนไม่เคารพคุณอิทธิพลของคุณที่มีต่อพวกเขาก็จะหายไป
เมื่อผู้คนเคารพคุณในฐานะบุคคล พวกเขาจะชื่นชมคุณ เมื่อพวกเขาเคารพคุณในฐานะเพื่อน พวกเขารักคุณ เมื่อพวกเขาเคารพคุณใน ฐานะผู้นํา พวกเขาจะติดตามคุณ ตรงกันข้ามก็จริงเช่นกัน ทันทีที่ผู้คนไม่เคารพคุณ อิทธิพลของคุณที่มีต่อพวกเขาจะหายไป
8. The Law of Intuition
Leaders Evaluate Everything With a Leadership Bias ผู้นำประเมินทุกอย่างด้วยความลำเอียงความเป็นผู้นำ
ผู้นำที่ดีที่สุดอ่านและตอบสนอง
กฏข้อ 8 กฏแห่งสัญชาตญาณ
การใช้สัญชาตญาณ ผู้นำประเมินทุกสิ่งด้วยอคติของผู้นำ กฎแห่งสัญชาตญาณตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง และสัญชาตญาณ ตลอดจนปัจจัยอื่น ๆ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่น ขวัญกำลังใจของพนักงาน จากทักษะการเป็นผู้นำทั้งหมดเราสามารถพัฒนามันได้ตลอดเวลา ซึ่งสัญชาตญาณอาจเป็นสิ่งที่พัฒนายากที่สุด เพราะมันต้องอาศัยประสบการณ์ในการเป็นผู้นำมากกว่าสด้านเดียว ต้องมีประสบการณ์รอบด้าน บางอย่างมันก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับความถนัดตามธรรมชาติของเราเอง ในการมองเห็นปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดในครั้งเดียว และแยกแยะการกระทำที่เป็นไปได้กับผลลัพธ์ที่เป็นไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องไปหาอะไรจากไหนเพิ่ม ทำให้ผู้นำที่ดีนั้น จะมีความสามารถในการรับรู้สิ่งต่างๆ ของผู้ตามได้ เช่นทัศนคติ และคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดได้ โดยไม่ต้องพึ่งข้อมูลทางสถิติต่างๆ เลย พวกเขาจะรู้สถานการณ์ก่อนที่จะมีข้อเท็จจริงเกิดขึ้นทั้งหมด ที่เห็นผลลัพธ์ของสิ่งที่ทำไปแล้ว
ในส่วนของสัญชาตญาณ ความสามารถนี้เป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ หรือต้องได้รับการเลี้ยงดู ดังนั้น หลาย ๆ คนที่ปฏิเสธที่จะเติบโตในฐานะผู้นำ เช่น ไม่อยากเป็นหัวหน้ากลุ่ม หรือ ผู้นำทำงานต่างๆ หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีความสามารถนี้ การพัฒนาสัญชาตญาณนี้ เกิดผ่านประสบการณ์และการเติบโตในเรื่องนี้ เป็นสิ่งล้ำค่ามากๆ เพราะ เมื่อใดก็ตามที่ผู้นำประสบปัญหาพวกเขาจะวัดผลโดยอัตโนมัติ และเริ่มแก้ไขโดยใช้กฎแห่งสัญชาตญาณ
Three Levels of Leadership Intuition
- Those who naturally see it — those who are born with exceptional leadership gifts. ผู้ที่มองเห็นได้โดยธรรมชาติ — ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม
- Those who are nurtured to see it — one can become a leader if his abilities are nurtured and develop. ผู้ที่ถูกหล่อหลอมให้มองเห็น — คนๆ หนึ่งสามารถเป็นผู้นำได้หากความสามารถของเขาได้รับการหล่อเลี้ยงและพัฒนา
- Those who will never see it — those who has no interest in developing his skills. คนที่ไม่เคยเห็นมัน — ผู้ที่ไม่สนใจในการพัฒนาทักษะของเขา
สัญชาตญาณช่วยให้ผู้นำกลายเป็นผู้อ่านของการเป็นผู้นำที่จับต้องไม่ได้มากมาย:
- ผู้นำคือผู้อ่านสถานการณ์ของพวกเขา
- ผู้นำคือผู้อ่านเทรนด์
- ผู้นำคือผู้อ่านทรัพยากรของพวกเขา
- ผู้นำคือผู้อ่านประชาชน
- ผู้นำคือผู้อ่านของตัวเอง
ผู้นำแก้ปัญหาโดยใช้กฎแห่งสัญชาตญาณ
เมื่อใดก็ตามที่ผู้นำพบว่าตนเองกำลังประสบปัญหา พวกเขาจะวัดค่าโดยอัตโนมัติ — และเริ่มแก้ไข — โดยใช้กฎแห่งสัญชาตญาณ พวกเขาประเมินทุกอย่างด้วยอคติของความเป็นผู้นำ
เมื่อใดก็ตามที่ผู้นําประสบปัญหา พวกเขาจะวัดโดยอัตโนมัติและเริ่มแก้ไขโดยใช้กฎแห่งสัญชาตญาณ
9. The Law of Magnetism
Who You Are Is Who You Attract คุณเป็นใคร คุณดึงดูดใคร
You can ’t move people to action unless you first move them with emotion. The heart comes before the head. People don ’t care how much you know until they know how much you care
คุณไม่สามารถกระตุ้นผู้คนให้ลงมือทำได้ เว้นแต่คุณจะกระตุ้นพวกเขาด้วยอารมณ์ก่อน หัวใจมาก่อนหัว ผู้คนไม่สนหรอกว่าคุณจะรู้มากแค่ไหน จนกว่าเขาจะรู้ว่าคุณใส่ใจมากแค่ไหน
กฎข้อที่ 9 กฏแห่งแรงดึงดูด
กฏแห่งแรงดึงดูด คือ เราเป็นใครและใครคือคนที่เราดึงดูด หรือมากกว่านั้นก็คือ เราจะดึงดูดผู้คนที่เป็นแบบเดียวกับเรา ดังนั้น ผู้นำช่วยในการกำหนดวัฒนธรรมขององค์กรตามตัวตน และสิ่งที่พวกเขาทำ และ ไม่เพียง แต่ดึงดูดผู้คนที่มีทัศนคติคล้ายกันเท่านั้น แต่ทัศนคติของพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะเหมือนกัน
ถ้าลองสังเกตดู ว่าสิ่งที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับองค์กรของเรา คือสิ่งที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับตัวเราเองในปัจจุบัน บุคลิกภาพลักษณะนิสัยนิสัยใจคอและกิริยามารยาทของเราจะดึงดูดผู้คน แบบเดียวกับตัวเราเองเข้ามาในองค์กรของเรา และลบคนที่มีอยู่ภายในออกไปได้ด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่พบผู้นำหลายคนที่คาดหวังให้คนที่มีความสามารถสูงกว่ามาติดตามพวกเขา แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่มีความสามารถนั้น หรือแสดงออกถึงคุณค่าที่สำคัญของความสามารถนั้น พูดง่ายๆ ก็คือ ต้องการสิ่งที่ดีกว่าตัวเอง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ให้คุณค่ากับสิ่งที่ดีกว่านั้นเลย เราอาจจะมองแค่ว่าเขาเป็นแค่ผู้ตามในระดับต่ำกว่าเสียด้วยซ้ำ ครับ แบบนี้การที่จะได้ผู้ตามที่มีความสามารถ ที่มากกว่าก็เป็นไปได้ยากแหละครับ ดังนั้น ถ้าเราต้องการดึงดูดคนที่ดีกว่า จงเป็นคนที่เราปรารถนาจะดึงดูด ให้ได้ จากนั้นเมื่อคุณดึงดูดคนที่คุณอยากได้ ให้ติดตามเราแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะพาตัวเอง และคนเหล่านั้นพัฒนาไปอีกด้วยกันครับ
ผู้นำที่มีประสิทธิภาพมักจะมองหาคนดี ฉันคิดว่าเราแต่ละคนมีรายการในใจว่าเราต้องการมีบุคคลประเภทใดในองค์กรของเรา คิดเกี่ยวกับมัน คุณรู้หรือไม่ว่าคุณกำลังมองหาใครอยู่ตอนนี้? โปรไฟล์ของคุณเป็นพนักงานที่สมบูรณ์แบบอย่างไร? เขามีลักษณะอย่างไร คนเหล่านี้มีคุณสมบัติอะไรบ้าง? คุณต้องการให้พวกเขาก้าวร้าวและเป็นผู้ประกอบการหรือไม่? คุณกำลังมองหาผู้นำ?
ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ คุณดึงดูดผู้คนที่มีคุณสมบัติแบบเดียวกับคุณมาหาคุณ นั่นคือกฎแห่งแม่เหล็ก: คุณเป็นใครคือคนที่คุณดึงดูด คนอย่างคุณจะตามหาคุณ
คนที่คุณดึงดูดให้มาที่องค์กรหรือแผนกของคุณในปัจจุบันมองคุณอย่างไร? พวกเขาเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและมีความสามารถที่คุณต้องการหรือไม่? หรือพวกเขาจะดีขึ้น?
โปรดจำไว้ว่า ท้ายที่สุดแล้วคุณภาพของพวกเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระบวนการจ้างงาน ฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือแม้แต่สิ่งที่คุณพิจารณาว่าเป็นคุณภาพของกลุ่มผู้สมัครในพื้นที่ของคุณ มันขึ้นอยู่กับคุณ.
10. The Law of Connection
Leaders Touch a Heart Before They Ask for a Hand ผู้นำสัมผัสหัวใจก่อนขอมือ
ความท้าทายที่ยากขึ้น การเชื่อมต่อที่มากขึ้น
อย่าประมาทความสำคัญของการสร้างสะพานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตัวคุณกับคนที่คุณเป็นผู้นำ มีสุภาษิตโบราณว่า: ในการเป็นผู้นำตัวเอง ให้ใช้หัวของคุณ ที่จะนำผู้อื่นใช้หัวใจของคุณ นั่นคือธรรมชาติของกฎแห่งการเชื่อมต่อ สัมผัสหัวใจคนเสมอก่อนที่คุณจะขอมือคนอื่น
กฏข้อที่ 10 กฏแห่งการเข้าถึงใจ
ผู้นำจะสัมผัสได้ถึงหัวใจก่อนที่พวกเขาจะขอจับมือ หรือพูดได้ว่า ผู้คนจะไม่ติดตามเรา จนกว่าพวกเขาจะถูกซื้ออารมณ์ไปสู่วิสัยทัศน์ที่เรากำลังหล่อหลอม เราพัฒนาความน่าเชื่อถือ กับผู้คนเมื่อเราเข้าถึงใจพวกเขา และแสดงให้เห็นว่าคุณห่วงใย และต้องการช่วยเหลือพวกเขาอย่างแท้จริง
ในการเข้าถึงใจของผู้คนอย่างแท้จริง เราต้องให้ความสำคัญกับพวกเขา เรียนรู้เกี่ยวกับพวกเขา แล้วปรับตัวให้เข้ากับตัวตนของพวกเขา อย่าคาดหวังว่าผู้คนจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อที่จะทำตามเรา เราต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อที่จะเชิญพวกเขาเข้ามา
กฎแห่งการเข้าถึงใจ หมายความว่าเราต้องเข้าใจพวกเขา ก่อนที่เราจะพยายามให้พวกเขาติดตามเรา หรือมาตามวิสัยทัศน์ของเราที่ต้องการที่จะนำไป พูดง่ายๆ คือ เราต้องให้ก่อนที่จะได้รับครับ หรือ Action เกิดก่อน ถึง จะเท่ากับ Reaction นั่นเอง
กฎแห่งการเชื่อมต่อหมายความว่าเราเข้าใจอัตลักษณ์ในตนเองของผู้คน พบกับพวกเขาในที่ที่พวกเขาอยู่ และสร้างความสัมพันธ์ กับพวกเขาก่อน ก่อนที่เราจะพยายามให้พวกเขาติดตามเราหรือซื้อวิสัยทัศน์ว่าเราต้องการไปที่ไหน
11. The Law of the Inner Circle
A Leader’s Potential Is Determined By Those Closest to Him ศักยภาพของผู้นำถูกกำหนดโดยผู้ที่ใกล้ชิดเขาที่สุด
กฎข้อที่ 11 กฏแห่งคนวงใน
ศักยภาพของผู้นำถูกกำหนดโดยผู้ที่อยู่ใกล้เขามากที่สุด สิ่งนี้มีผลคล้ายกับกฎแห่งแรงดึงดูด ซึ่งอาจจะบอกได้ว่า ผู้ติดตามของเราจะดูเหมือนเรา หรือเราอาจจะบอกว่าเราจะเริ่มดูเหมือนคนที่เราอยู่ด้วยนั่นเอง และกฏข้อนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงทุกครั้ง
THE VALUE OF RAISING UP THE RIGHT PEOPLE IN YOUR INNER CIRCLE
- POTENTIAL VALUE — THOSE WHO RAISE UP THEMSELVES. มูลค่าที่มีศักยภาพ — ผู้ที่ยกระดับตัวเอง
- POSITIVE VALUE — THOSE WHO RAISE MORALE IN THE ORGANIZATION. คุณค่าเชิงบวก — ผู้ที่สร้างขวัญกำลังใจในองค์กร
- PERSONAL VALUE — THOSE WHO RAISE UP THE LEADER คุณค่าส่วนบุคคล — ผู้ที่ยกระดับผู้นำ
- PRODUCTION VALUE — THOSE WHO RAISE UP OTHERS มูลค่าการผลิต — ผู้ที่เลี้ยงดู ดูแลผู้อื่น
- PROVEN VALUE — THOSE WHO RAISE UP PEOPLE WHO RAISE UP OTHER PEOPLE คุณค่าที่พิสูจน์แล้ว — ผู้ที่เลี้ยงดูผู้คน ที่เลี้ยงดูผู้อื่น
เพื่อใช้ประโยชน์จากกฎแห่งคนวงใน เราต้องล้อมรอบตัวเอง กับคนที่เราชื่นชมและเคารพอยู่ตลอดเวลา น่าเสียดายที่สิ่งนี้สวนทางกับรูปแบบความเป็นผู้นำของคนส่วนใหญ่ ผู้นำที่ไม่ปลอดภัยรู้สึกถูกคุกคามเมื่อพวกเขาไม่ใช่คนที่ฉลาดและมีความสามารถที่สุดในที่นี้ ดังนั้นพวกเขาจึงล้อมรอบตัวเองกับคนที่อ่อนแอกว่าตัวเอง เพื่อให้ดูว่าตัวเองเหนือกว่าทุกคน อย่างไรก็ตามนี่หมายความว่าศักยภาพในการเติบโตของพวกเขานั้นถูก จำกัด โดยความสามารถของผู้ที่พวกเขาอยู่ใกล้ๆ นั่นเอง
ดังนั้น เราจะใช้ประโยชน์จากกฎแห่งคนวงใน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และเพิ่มศักยภาพในการเป็นผู้นำ ขั้นแรก คือ เราต้องพัฒนาตัวเราให้เป็นผู้นำที่ดีที่สุด เท่าที่เราสามารถทำได้เสมอ ต่อไปคือการล้อมรอบตัวเองด้วยผู้นำที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ เพื่อที่เราจะได้พัฒนาไปเป็นแบบเขา และค้นหาผู้นำที่ดีที่สุดต่อไปเพื่อพัฒนา
Lee Iacocca กล่าวว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากสิ่งที่คุณรู้ แต่มาจากคนที่คุณรู้จักและวิธีที่คุณนำเสนอตัวเองต่อบุคคลเหล่านั้น มีความจริงมากมายในนั้น ฉันต้องบอกว่าฉันมีความสุขกับทีมที่เหลือเชื่อ แต่ฉันยังไม่เสร็จ ฉันจะสร้างและเพิ่มคนดีๆ ต่อไปอีกทศวรรษและนานกว่านี้ คุณเห็นไหม ฉันรู้ว่าฉันมีศักยภาพมากกว่าที่ยังไม่มี ยังไปไม่ถึง และถ้าฉันต้องการไปที่นั่นสักวันหนึ่ง ฉันต้องห้อมล้อมตัวเองด้วยคนที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นเป็นวิธีเดียวที่มันจะเกิดขึ้น นั่นคือกฎของวงใน
เพื่อเพิ่มความสามารถและเพิ่มศักยภาพในการเป็นผู้นําให้สูงสุด ก้าวแรก ของคุณคือการเป็นผู้นําที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทําได้ ต่อไปคือการห้อมล้อมตัวเองด้วยผู้นําที่ดีที่สุดที่คุณสามารถหาได้
12. The Law of Empowerment
Only Secure Leaders Give Power to Others ผู้นำที่ปลอดภัยเท่านั้นที่มอบอำนาจให้ผู้อื่น
“The best executive is the one who has sense enough to pick good men to do what he wants done, and self -restraint enough to keep from meddling with them while they do it ” Theodore Roosevelt
ผู้บริหารที่ดีที่สุด คือ ผู้ที่มีสติพอที่จะเลือกผู้ชายดีๆ มาทำในสิ่งที่เขาต้องการ และอดกลั้นพอที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับพวกเขาในขณะที่พวกเขาทำ
กฎข้อที่ 12 กฏแห่งการมอบอำนาจ
เบื้องหลังกฎแห่งคนวงใจคือกฎแห่งการมอบอำนาจ กฏข้อนี้คือ ผู้นำที่มีความมั่นคงเท่านั้นที่ให้อำนาจแก่ผู้อื่น ซึ่งหมายความว่าผู้นำที่มีความมั่นคงใช้เวลาของพวกเขาในการระบุผู้นำ หรือสร้างผู้นำขึ้นมา ให้ทรัพยากรอำนาจและความรับผิดชอบแก่พวกเขา จากนั้นก็เปลี่ยนพวกเขาให้เป็นอิสระเพื่อให้เขากลายเป็นผู้นำ หรือ บรรลุเป้าหมายของตนเอง ในทางกลับกันผู้นำที่ไม่มีความมั่นคง จะใช้เวลาสงสัยคนรอบข้าง และทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อบั่นทอนศักยภาพและการเติบโตของผู้คน
ผู้บริหารที่ดีที่สุด คือคนที่มีไหวพริบพอที่จะเลือกผคนดีๆ มาทำในสิ่งที่เขาต้องการ และมีความยับยั้งชั่งใจตัวเองมากพอ ที่จะป้องกันไม่ให้เข้าไปยุ่งกับพวกเขาในขณะที่พวกเขาทำสิ่งนั้น ดังนั้นเพื่อใช้ประโยชน์จากกฎข้อนี้ เราต้องเข้าใจว่าเมื่อเราพัฒนาความเป็นผู้นำ ให้กับคนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา เราไม่เพียง แต่ยกระดับคุณค่าของตัวเองในฐานะผู้นำเท่านั้น แต่องค์กรของเราก็ได้รับประโยชน์ ในการกระทำนั้นด้วย
สิ่งที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณให้เครดิตกับผู้อื่น กุญแจสำคัญในการเพิ่มพลังให้ผู้อื่นคือความเชื่อในผู้คนอย่างสูง
เราสอนสิ่งที่เรารู้ — เราทำซ้ำสิ่งที่เราเป็น
หากคุณต้องการพัฒนาเป็นผู้นำต่อไป คุณควรทำแบบเดียวกัน ใช้เวลากับผู้นำที่ดีที่สุดที่คุณสามารถหาได้ หากคุณเพิ่งเริ่มต้น คุณอาจต้องการใช้เวลากับคนในสาขาของคุณเพื่อที่คุณจะได้เชี่ยวชาญพื้นฐานในอาชีพของคุณ แต่เมื่อคุณมีพื้นฐานนั้นแล้ว ให้เรียนรู้ความเป็นผู้นำจากผู้คนในหลายๆ อาชีพ
วิธีเดียวที่คุณจะสามารถพัฒนาผู้นำคนอื่นๆ ได้คือการเป็นผู้นำ หากคุณได้ดำเนินการตามขั้นตอนแรกแล้ว คุณจะได้รับการยกย่อง คุณอยู่ในตำแหน่งที่จะเริ่มยกระดับผู้นำคนอื่นๆ เมื่อคุณเริ่มต้น พึงระลึกไว้เสมอว่าผู้นำที่พัฒนาผู้นำ …
- ดูภาพใหญ่
- ดึงดูดผู้นำที่มีศักยภาพ
- สร้างสภาพแวดล้อม
ความจริงก็คือการเสริมอํานาจมีพลังไม่เพียงแต่สําหรับบุคคลที่กําลังพัฒนาแต่สําหรับที่ปรึกษาด้วยการขยายคนอื่นทําให้คุณใหญ่ขึ้น
13. The Law of Reproduction
It Takes a Leader to Raise Up a Leader ต้องใช้ผู้นำในการยกระดับผู้นำ
กฎข้อที่ 13 กฏแห่งภาพ
กฎแห่งภาพ หมายถึง ผู้คนจะทำในสิ่งที่ผู้คนเห็น นี่อาจเป็นกฎสูงสุดอีกข้อหนึ่ง ในการทำความเข้าใจว่า ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับความเป็นผู้นำ เมื่อผู้นำแสดงแนวทางด้วยการกระทำที่ถูกต้องผู้ติดตามก็ลอกเลียนแบบและประสบความสำเร็จ ผู้นำที่ทำผิดจะเปลี่ยนผู้นำทุกคนที่อยู่รอบตัวพวกเขาให้กลายเป็นผู้นำที่ทำผิด เพราะชีวิตของพวกเขาแสดงให้เห็นว่า เป็นสิ่งที่ดีและเป็นที่ยอมรับ ขนาดเป็นผู้นำยังทำผิดเลย ทำไมเราจะทำไม่ได้ ประมาณนี้แหละมั๊งครับ
14. The Law of Buy-In
People Buy Into the Leader, Then the Vision ผู้คนซื้อความเป็นผู้นำ แล้วตามด้วยวิสัยทัศน์
กฎข้อที่ 14 กฏแห่งการยอมรับ
คนเราต้องยอมรับในความเป็นผู้นำก่อนวิสัยทัศน์ คนจำนวนมากที่เข้าใกล้วิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำล้วนแต่ล้าหลัง พวกเขาเชื่อว่าหากมีเหตุผลที่ดีพอผู้คนจะยอมรับ และปฏิบัติตามโดยอัตโนมัติ แต่นั่นไม่ใช่วิธีการที่ผู้นำใช้ได้ผลจริง ในตอนแรกผู้คนไม่ได้ทำตามเหตุผลที่มีค่าควร พวกเขาปฏิบัติตามผู้นำที่มีค่าควรต่างหาก หากเราย้อนกลับไปที่กฎแห่งภาพ นั่นหมายความว่าหากความน่าเชื่อถือของเราในฐานะผู้นำ เป็นสิ่งที่น่าสงสัยที่สุด เราจะไม่มีคนเต็มใจทำตามวิสัยทัศน์ที่เรากำลังเลือกมัน เพราะพวกเขาสงสัยว่าเราจะทำสิ่งนั้นได้จริงๆ หรือ เพราะเขาไม่ยอมรับในตัวเรานั่นเอง
ในฐานะผู้นำเราไม่สามารถส่งเสริมวิสัยทัศน์ และผลงานที่ดีที่เราให้คนอื่นยอมรับได้ โดยทำผ่านโซเชียลมีเดีย และคาดหวังว่าผู้คนจะเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครหรือให้เงินเพื่อสนับสนุนเรา หากพวกเขาไม่เชื่อใจเรา ทำให้วิสัยทัศน์ หรือสิ่งที่เราต้องการจะทำ ก็ไม่สำคัญแม้ว่าเราจะมีโอกาสอะไรที่ดีมากๆ อยู่ตรงหน้าแล้วก็ตาม ก็จะไม่ทำให้ใครมาสนับสนุนเราเหมือนเดิม
15. The Law of Victory
Leaders Find a Way for the Team to Win ผู้นำหาทางให้ทีมชนะ
กฎข้อที่ 15 กฎแห่งชัยชนะ
กฎแห่งชัยชนะ คือ ผู้นำจะหาทางให้ทีมชนะ ผู้นำที่ดีจะคิดออกว่าจะต้องทำอะไรเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ
นี่คือวิธีคิดของผู้นำที่ยอมรับกฎแห่งชัยชนะ พวกเขามีความรับผิดชอบ สร้างสรรค์ และทุ่มประสบการณ์ และสิ่งที่เค้าทำได้ทั้งหมดในการก้าวไปสู่ความสำเร็จ มีทัศนคติที่ไม่ล้มเลิก และความล้มเหลวไม่ใช่ทางเลือก ผู้นำเหล่านี้มักจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นอยู่เสมอ แม้ว่าความท้าทายจะยากก็ตาม ผู้นำที่ดีต้องรู้จักรับผิดชอบต่อความสำเร็จของทีม และทำในสิ่งที่ต้องทำเพื่อนำไปสู่ชัยชนะ
สามองค์ประกอบแห่งชัยชนะ
- UNITY OF VISION
- DIVERSITY OF SKILLS
- A LEADER DEDICATED TO VICTORY AND RAISING PLAYERS TO THEIR POTENTIAL
ผู้นําที่ดีต้องรับผิดชอบต่อความสําเร็จของทีมและทําทุกอย่างเพื่อนําไปสู่ชัยชนะ
16. The Law of the Big Mo
Momentum Is a Leader’s Best Friend โมเมนตัมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผู้นำ
กฏข้อที่ 16 กฏแห่งแรงส่งอันยิ่งใหญ่
แรงส่งคือเพื่อนที่ดีที่สุดของผู้นำ เพราะแรงส่งเป็นสิ่งเดียวที่สร้างความแตกต่างระหว่างการแพ้ และการชนะ เมื่อเราไม่มีแรงส่ง แม้แต่งานที่ง่ายที่สุดก็ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ในทางกลับกันเมื่อเรามีแรงส่ง อนาคตก็ดูสดใส อุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ และปัญหาก็ดูเหมือนไม่สำคัญสักเท่าไร เพราะเราจะมีความมั่นใจในหารผ่านมันไปได้เสมอ
ผู้นำทุกคนต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในองค์กร กุญแจสำคัญคือโมเมนตัม
TWO KEYS: PREPARATION AND MOTIVATION
ในการเปลี่ยนทิศทาง คุณต้องสร้างความก้าวหน้าก่อน — และนั่น ใช้กฎของ Big Mo เป็นผู้นำในการเริ่มต้นสิ่งต่างๆ จุดเริ่มต้นเล็กๆ เตรียมตัวและแรงจูงใจ ผู้นำเท่านั้นที่สามารถสร้างโมเมนตัมได้
- โมเมนตัมทำให้ผู้นำดูดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
- โมเมนตัมช่วยให้ผู้ติดตามทำงานได้ดีกว่าที่เป็นอยู่
- โมเมนตัมง่ายกว่าที่จะเริ่มต้น
- โมเมนตัมเป็นตัวแทนการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังที่สุด
กฏข้อนี้มักใช้เมื่อองค์กรเริ่มต้นใหม่ๆ ทุกอย่างเลยเป็นความท้าทาย และดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลามากในการทำอะไรให้สำเร็จ เมื่อเราเกิดแรงส่งมากขึ้นเรื่อยสิ่งที่ตามมาคือ แรงเฉื่อย ก็เหมือนกับเมื่อพูดถึงการเป็นผู้นำ องค์กรที่มีแรงผลักดันไปข้างหน้านั้นยากที่จะชะลอตัวลง ความท้าทายคือการแรงส่งนั้นตั้งแต่แรก และต้องมั่นใจด้วยว่าแรงส่งที่เราสร้างมานั้น มันส่งไปถูกทางจริงหรือเปล่า การสร้างแรงส่งต้องการคนที่มีวิสัยทัศน์ สามารถรวมทีมที่ดี และสร้างแรงจูงใจให้กับผู้อื่นได้ หากผู้นำกำลังมองหาใครสักคนมากระตุ้นหรือสร้างแรงจูงใจให้กับเขา แสดงว่าองค์กรกำลังมีปัญหา
เราสร้างนิสัยที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราสามารถทำได้มากกว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้ และเรามักจะเฉลิมฉลองชัยชนะของเราไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด
หากคุณต้องการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กับองค์กรของคุณ อย่ามองข้ามพลังแห่งโมเมนตัม เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผู้นำอย่างแท้จริง ถ้าคุณพัฒนาได้ คุณก็ทำได้เกือบทุกอย่าง นั่นคือพลังของบิ๊กโม
17. The Law of Priorities
Leaders Understand that Activity Is Not Necessarily Accomplishment ผู้นำเข้าใจว่ากิจกรรมไม่จำเป็นจะต้องทำให้สำเร็จ
กฏข้อที่ 17 กฏแห่งการจัดลำดับสิ่งสำคัญ
คำถามคือ สิ่งที่เรากทำมากมายในวันนี้ มันแสดงว่าเรามีประสิทธิผลหรือแค่ยุ่งอยู่? นี่คือหัวใจสำคัญของกฎแห่งการจัดลำดับความสำคัญ คือ ผู้นำเข้าใจว่าอะไรที่ไม่จำเป็นต่อความสำเร็จของเรา
THE THREE RS
- WHAT IS REQUIRED? จำเป็นต้องมีอะไรบ้าง?
- WHAT GIVES THE GREATEST RETURN? อะไรให้ผลตอบแทนสูงสุด?
- WHAT BRINGS THE GREATEST REWARD? อะไรทำให้เกิดรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด?
แม็กซ์เวลล์บอกว่า เมื่อเรายุ่งเรามักจะเชื่อว่าเราประสบความสำเร็จ แต่ธุรกิจไม่เป็นอย่างนั้น การยุ่งก็ไม่ได้หมายความว่าผลิตผลจะเยอะตาม สิ่งที่ทำอาจจะไม่ใช่ส่ิงที่ทำให้เราใกล้ความสำเร็จ ซึ่งหมายถึงการจัดลำดับความสำคัญซึ่ง ผู้นำต้องคิดล่วงหน้าอย่างต่อเนื่องรู้ว่าอะไรสำคัญเพื่อดูว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกับวิสัยทัศน์โดยรวมหรือไม่ และอย่างไร บางครั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดในรายการลำดับความสำคัญนั้นก็อาจจะไม่สามารถทำได้ง่ายๆ
กุญแจสำคัญในการใช้ประโยชน์จากกฎแห่งการจัดลำดับความสำคัญ ก็คือ หลักการ 80/20 อย่างที่เรารู้จักกันดี ซึ่งหมายถึงการให้เวลา 80% กับพนักงาน 20% แรกของเรา
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ มีส่วนในการจัดลำดับความสำคัญคือ 3R ประการ: Requirement, Return และ Reward สามสิ่งนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า อะไรคือสิ่งที่เราต้องทำเพราะคนอื่นไม่สามารถทำได้ มีใครบ้างที่เราสามารถมอบหมายงานนี้ให้ทำ และได้รับผลตอบแทนเท่าที่เราทำได้ และงานใดที่จะนำไปสู่ความพึงพอใจมากที่สุด? เพราะ ชีวิตสั้นเกินไปที่จะทำทุกอย่าง เมื่อเราจัดลำดับความสำคัญอย่างถูกต้องว่าเราใช้เวลาอย่างไร สิ่งนี้จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ตามที่ต้องการเสมอ เมื่อเราไม่จัดลำดับความสำคัญของเวลา เรามักจะมองย้อนกลับไปด้วยความสงสัยว่าเวบาทั้งหมดนั้น มันหายไปไหน
ชีวิตสั้นเกินไปเกินกว่าที่จะไม่ทําในสิ่งที่คุณรัก
เมื่อเราจัดลําดับความสําคัญอย่างเหมาะสมว่าเราจะใช้เวลาอย่างไร มันจะทําให้เราอยู่ในเส้นทางสู่ความสําเร็จเสมอ เมื่อเราไม่จัดลําดับความสําคัญของเวลา เรามักจะมองย้อนกลับไปด้วยความสงสัยว่ามันหายไปไหน
18. The Law of Sacrifice กฎแห่งการเสียสละ
A Leader Must Give Up to Go Up ผู้นำต้องยอมเสียสละเพื่อขึ้นไป
กฎข้อที่ 18 กฏแห่งการยินดีที่จะสละ
กฎแห่งการเสียสละทำให้เราเห็นถึงหัวใจของผู้นำ ผู้นำต้องยอมแพ้เพื่อขึ้นไป มีความเข้าใจผิดกันทั่วไปในหมู่คนที่ไม่ใช่ผู้นำว่าการเป็นผู้นำ ทั้งหมดเกี่ยวกับตำแหน่งสิทธิประโยชน์และอำนาจที่มาจากการเติบโตในองค์กร ชีวิตของผู้นำนั้นมันดูดีสำหรับคนภายนอก แต่ความจริงก็คือการเป็นผู้นำต้องมีความเสียสละ
ไม่มีความสำเร็จใดหากปราศจากการเสียสละ ทุกคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตต่างก็เสียสละเพื่อทำเช่นนั้น และ หัวใจของการเป็นผู้นำคือการทำให้ผู้อื่นนำหน้าตัวเราเอง ถ้ามันทำให้ได้ในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทีม หากเราใฝ่หาความเป็นผู้นำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเป็นที่ยอมรับ ในความเป็นจริงเราก็ไม่ได้เป็นผู้นำที่มีคุณภาพสักเท่าไร
Ralph Waldo Emerson เสนอทางเลือกนี้: “สำหรับสิ่งที่คุณพลาดไป คุณได้รับอย่างอื่น และสำหรับทุกสิ่งที่คุณได้รับ คุณจะสูญเสียบางสิ่ง”
สิ่งที่คนที่ประสบความสำเร็จพบว่าเป็นความจริงจะยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับพวกเขาเมื่อพวกเขาเป็นผู้นำ ไม่มีความสำเร็จใดที่ปราศจากการเสียสละ ยิ่งคุณต้องการบรรลุความเป็นผู้นำในระดับที่สูงขึ้นเท่าใด คุณจะต้องเสียสละมากขึ้นเท่านั้น การจะขึ้น คุณต้องยอมแพ้ นั่นคือธรรมชาติที่แท้จริงของความเป็นผู้นำ นั่นคือกฎแห่งการเสียสละ
ไม่มีความสําเร็จใดที่ปราศจากการเสียสละ ทุกคนที่ประสบความสําเร็จในชีวิตได้เสียสละเพื่อทําเช่นนั้น
19. The Law of Timing กฎแห่งกาลเวลา
When to Lead Is as Important as What to Do and Where to Go เมื่อจะเป็นผู้นำมีความสำคัญเท่ากับสิ่งที่ต้องทำและจะไปที่ไหน
กฏข้อที่ 19 กฏแห่งจังหวะเวลา เวลาคือทุกสิ่ง
กฏข้อนี้บอกเราว่า การจะทำอะไรเมื่อไรนั้นสำคัญพอๆ กับอะไรที่ต้องทำ และที่ไหนที่เราต้องการจะไป
การกระทำผิดในเวลาที่ไม่ถูกต้องนำไปสู่หายนะ การกระทำที่ถูกต้องในเวลาที่ไม่ถูกต้องนำมาซึ่งการต่อต้านการกระทำผิดในเวลาที่ถูกต้องคือความผิดพลาด อย่างไรก็ตาม การกระทำที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมส่งผลให้เกิดความสำเร็จ
ในขณะที่เราพัฒนาความสามารถในการเป็นผู้นำเราต้องก้าวไปไกลกว่าการรู้วิธีที่จะเป็นผู้นำ เราต้องเรียนรู้ที่จะแยกแยะให้ได้ด้วยว่า ถึงเวลาที่ควรทำเช่นนั้นเมื่อใด
“การกระทําผิดผิดเวลานําไปสู่หายนะ ” “การกระทําที่ถูกต้อง ในเวลาที่ผิด นํามาซึ่งการต่อต้าน ” “การกระทําผิดถูกเวลาคือความผิดพลาด” อย่างไรก็ตาม “ ลงมือทําถูกเวลา สําเร็จ”
เมื่อเราพัฒนาความสามารถในการเป็นผู้นํา เราต้องไปไกลกว่าแค่การรู้วิธีเป็นผู้นํา เราต้องเรียนรู้ที่จะแยกแยะด้วยว่าเมื่อใดเป็นเวลา ที่เหมาะสมที่จะทําเช่นนั้น
20. The Law of Explosive Growth
To Add Growth, Lead Followers — To Multiply, Lead Leaders เพื่อเพิ่มการเติบโต นำผู้ตาม — ทวีคูณ นำผู้นำ
กฏข้อที่ 20 กฏแห่งการเติบโตแบบก้าวกระโดด
สิ่งที่เราจะต้องทำ ไม่ใช่ทำแต่เพียงพัฒนาตัวเอง หรือผู้ติดตาม แต่เพื่อเพิ่มจำนวนผู้นำที่เป็นผู้นำที่ดีด้วย อธิบายเพิ่มเติมว่า ถ้าเราพัฒนาตัวเองเราจะสัมผัสได้ถึงความสำเร็จส่วนตัว หากเราพัฒนาทีมองค์กรของเราจะเติบโตได้ แต่ถ้าเราพัฒนาผู้นำองค์กรของเรา มันก็จะทำให้องค์กรของเราเติบโตได้อย่างมหาศาล
คำแนะนำที่เป็นประโยชน์บางประการสำหรับผู้นำระดับแนวหน้ารวมถึงการพัฒนาผู้คน 20% แรกที่อยู่รอบตัวเราแทนที่จะใช้เวลาของเราในการเล่นเพื่อไล่ตาม 20% ที่ต่ำที่สุด มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาจุดแข็งแทนที่จะไปโฟกัสที่จุดอ่อน และปฏิบัติต่อทุกคนแตกต่างกันตามความเหมาะสมของแต่ละคน แทนที่จะทำเหมือนว่าทุกคนต้องได้รับการปฏิบัติเหมือนกัน เราต้องพิจารณาว่าจะลงทุนเวลาให้มีประสิทธิผลมากที่สุดได้อย่างไร
สำหรับกฏข้อนี้นั้นยาก ต้องใช้เวลา และพลังงานมากในการทำ แต่เมื่อเราทำมันได้สำเร็จมันจะนำเราไปสู่ผลลัพธ์ที่มหาศาลเช่นกัน ดังนั้น ผู้นำที่พัฒนา ให้เกิดผู้นำใหม่ขึ้น จะประสบกับผลลัพธ์แบบทวีคูณที่น่าทึ่งในองค์กร ซึ่งมันก็จะได้ผลเท่ากับวิธีอื่นที่ยุ่งยากมากกว่าเช่น การเพิ่มทรัพยากร การลดต้นทุนเพิ่มอัตรากำไร ปรับปรุงระบบ หรือ ทำอย่างอื่น ที่ให้ได้ผลมากๆ เทียบเท่ากัน
“ผู้นําที่พัฒนาผู้นําจะพบกับผลกระทบที่ทวีคูณอย่างไม่น่าเชื่อในองค์กรของพวกเขา ซึ่งไม่สามารถทําได้ ด้วยวิธีอื่น — ไม่ใช่โดยการเพิ่มทรัพยากร ลดต้นทุน เพิ่มผลกําไร ปรับปรุงระบบ ใช้ขั้นตอนคุณภาพ หรือทําอย่างอื่น ”
21. The Law of Legacy
A Leader’s Lasting Value Is Measured By Succession คุณค่าที่ยั่งยืนของผู้นำวัดได้จากการสืบทอด
กฎข้อที่ 21 กฏแห่งมรดก
กฎสุดท้ายในหนังสือเล่มนี้คือ กฏแห่งมรดก คุณค่าที่ยั่งยืนของผู้นำวัดได้จากการสืบทอด วันหนึ่งเราทุกคนจะจากไป และสิ่งที่เหลืออยู่ของเราจะเป็นตัวอย่างให้กับคนที่มารับช่วงต่อได้รับสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเพื่อนำไปใช้ต่อไป พูดได้ว่า “ความสำเร็จเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ด้วยตัวเอง ความสำเร็จเกิดขึ้นเมื่อพวกเขามอบอำนาจให้ผู้ติดตามทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ความสำเร็จเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาพัฒนาผู้นำเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ร่วมกับพวกเขา มรดกเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาวางตำแหน่งผู้นำเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่โดยปราศจากพวกเขา” และนี่คือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของความเป็นผู้นำตลอดชีวิตจะต้องเผชิญ แต่มันก็เป็นสิ่งเดียวที่จะมีความสำคัญในท้ายที่สุดเมื่อเราจากไป
- เป็นผู้นำองค์กรด้วย “มุมมองที่ยาวไกล”
- สร้างวัฒนธรรมความเป็นผู้นำ
- จ่ายราคาวันนี้เพื่อรับประกันความสำเร็จในวันพรุ่งนี้
- คุณค่าความเป็นผู้นำทีมที่เหนือกว่าความเป็นผู้นำส่วนบุคคล
- เดินออกจากองค์กรด้วยความซื่อตรง
“สักวันคนจะสรุปชีวิตของคุณในประโยคเดียว คําแนะนําของฉัน: เลือกเลย! ”
The Road to Legacy:
- Achievement comes when someone is able to do great things for himself ความสำเร็จเกิดขึ้นเมื่อมีคนสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับตัวเองได้
- Success comes when he empowers followers to do great things for him ความสำเร็จมาเมื่อเขามอบอำนาจให้ผู้ติดตามทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับเขา
- Significance comes when he develops to do great things with him ความสำคัญมาเมื่อเขาพัฒนาเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ร่วมกับเขา
- Legacy comes when he raises his organization to do great things without him มรดกมาเมื่อเขายกองค์กรขึ้นเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่โดยไม่มีเขา
ยิ่งคุณพยายามทำในชีวิตมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งพบว่าความเป็นผู้นำนั้นสร้างความแตกต่างได้มากเท่านั้น ความพยายามใด ๆ ที่คุณทำได้ที่เกี่ยวข้องกับคนอื่นจะมีชีวิตอยู่หรือตายขึ้นอยู่กับความเป็นผู้นำ ในขณะที่คุณทำงานเพื่อสร้างองค์กรของคุณ อย่าลืมสิ่งนี้:
• บุคลากรเป็นผู้กำหนดศักยภาพขององค์กร
• ความสัมพันธ์กำหนดขวัญกำลังใจขององค์กร
• โครงสร้างกำหนดขนาดขององค์กร
• วิสัยทัศน์กำหนดทิศทางขององค์กร
• ภาวะผู้นำเป็นตัวกำหนดความสำเร็จขององค์กร
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ JOHN MAXWELL
ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์