WHAT YOU should know if you’re EXPERIENCING METANOIA
สิ่งที่ควรรู้ถ้าคุณกำลังเปลี่ยนแปลงความคิด : การเปลี่ยนแปลงความคิด ความรู้สึก ตัวตน หรือวิถีชีวิต
7 Things You Need To Know If You’re Experiencing Metanoia: A Change Of Mind, Heart, Self Or Way Of Life
Whether it’s a simple shift of committing to treating people with more kindness, the brutal (and liberating) realization that you’re responsible for your own happiness, trying to better make sense of the world is a heavy duty task, and we’re called to do it numerous times in a life. There’s a beautiful word for this, it’s called “metanoia,” and it originates from the Greek word for “changing one’s mind or purpose.” It really doesn’t matter what you’re changing from, or to, only that any kind of massive psychological or emotional shift tends to heed similar circumstances, and common struggles. Here are a few things you need to know if you’re going through one of your own:
เราผ่านการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานมากมายตลอดชีวิตของเรา มีคำที่สวยงามสำหรับสิ่งนี้ “metanoia” มาจากภาษากรีกและแปลว่า “การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของความคิดและจิตใจ” ไม่สำคัญว่าคุณกำลังเปลี่ยนแปลงอะไร สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจหรืออารมณ์ครั้งใหญ่ๆ จะต้องประสบปัญหาเดียวกัน หากสิ่งนี้เกิดขึ้นกับคุณ ต่อไปนี้คือบางสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้
1. If it’s a relationship that prompted a revolution in your worldview, know that that relationship has likely served its purpose. หากความสัมพันธ์เปลี่ยนโลกทัศน์ของคุณ จงรับรู้ว่าความสัมพันธ์นั้นอาจบรรลุวัตถุประสงค์ของมันแล้ว A lot of people hold on to the catalyst of their personal “awakenings” because they confuse ‘big love’ for being ‘forever love.’ They’re not the same thing. หลายๆ คนยึดติดกับตัวกระตุ้นของ “การตื่นรู้” ส่วนตัวของตน เพราะพวกเขาสับสนระหว่าง ‘ความรักอันยิ่งใหญ่’ กับการเป็น ‘ความรักตลอดไป’ พวกเขาไม่เหมือนกัน
2. You don’t need to be mad about your limiting, old beliefs: change is in building what’s next, not in dismantling what was. คุณไม่จำเป็นต้องเสียใจว่าแนวคิดก่อนหน้านี้ของคุณแคบแค่ไหน การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างแนวคิดใหม่ถัดไป ไม่ใช่การลบล้างอดีต You don’t need to ruminate in disappointment for how long you spent not realizing there was more to life than you assumed. The point is that you figured it out eventually. คุณไม่จำเป็นต้องคิดว่าคุณเสียเวลาไปกับความเสียใจไปมากแค่ไหน โดยไม่รู้ว่าชีวิตดีกว่าที่คุณจินตนาการไว้มาก ไม่เป็นไรถ้าคุณเข้าใจในที่สุด
3. The base of any personal catastrophe or desire for deeper understanding is usually the same: it’s the realization that you, and only you, are responsible for your life. พื้นฐานของภัยพิบัติส่วนบุคคลหรือความปรารถนาที่จะเข้าใจอย่างลึกซึ้งมักจะเหมือนกัน นั่นคือการตระหนักว่าคุณและเพียงคุณเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณ You cannot depend on anything — anything! — to do the real, grueling work of what it means to find comfort in a world that’s entirely impermanent. No job, no amount of money, no relationship, no accomplishment can supplement that for you. It’s a peace you must come to first, then you can enjoy the rest. ประสบการณ์ที่โชคร้ายสามารถสอนคุณได้คือการตระหนักว่าคุณและมีเพียงคุณเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณเองคุณไม่สามารถพึ่งพาสิ่งใดได้ ไม่มีใครสามารถทำงานหนักแทนคุณได้ และคุณไม่สามารถค้นพบความรู้สึกมั่นใจในโลกที่ไม่แน่นอนได้ ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอารมณ์ ไม่มีความสำเร็จใดสามารถบรรลุสิ่งนี้ให้คุณได้ คุณต้องมีจิตใจที่สงบก่อนแล้วจึงสนุกไปกับมัน
4. “Loving yourself” is an action, not a feeling. When we think of romantic love, we think of the flush of hormones that gives us an ooey gooey emotion. We rarely think of the daily tasks and commitments necessary to make someone else’s well-being as important as our own. The same goes for loving yourself: we think it’s the emotion that comes with holding yourself in a high regard, when most of the time, it’s more like standing up for yourself, having the courage to keep going, having the courage to quit, finding happiness despite the impermanence and unreliability of things, and so on.”การรักตัวเอง” คือการกระทำ ไม่ใช่ความรู้สึกเมื่อเราคิดถึงความรักโรแมนติก เราคิดถึงฮอร์โมนที่พลุ่งพล่าน — ความรู้สึกผูกพันอันแสนหวานที่ทำให้เรารู้สึกผูกพัน เราไม่ค่อยคำนึงถึงประเด็นและภาระผูกพันในทางปฏิบัติ และความจริงที่ว่าเราต้องทำให้ผู้อื่นมีความสุขมากเท่ากับที่เราทำให้ตัวเองมีความสุข การรักตัวเองก็เช่นเดียวกัน: เราคิดว่าการรักตัวเองหมายถึงการตามใจตัวเอง แต่ส่วนใหญ่แล้ว มันเป็นเรื่องของการสนับสนุนตัวเองและให้ความกล้าหาญกับตัวเองเพื่อก้าวต่อไปและยอมแพ้ แม้ว่าโลกจะมีความไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับเรา แต่เราก็ยังพบความสุขได้
5. You don’t need to have every answer, nor will you ever have every answer. It’s never about how certain you are, it’s about how willing you are to try anyway. Nobody knows the mysterious abyss from which we come and eventually go back to, and yet so many people’s lives — and our society/culture in general — are crafted and dictated from teachings about this unknown. Everything is speculation for now — but some speculations lead to a happier, kinder, more peaceful world (and some don’t). The point isn’t who knows what for sure, but point is who is willing to do what it takes to make the best version of the reality we have now. คุณไม่จำเป็นต้องรู้คำตอบทั้งหมด และคุณจะไม่มีวันรู้คำตอบทั้งหมดด้วยสิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าคุณมั่นใจแค่ไหน แต่สำคัญว่าคุณกระตือรือร้นแค่ไหนที่จะพยายาม ไม่มีใครรู้ว่าเรามาจากไหนหรือจบลงที่ใด แต่ชีวิตของผู้คนจำนวนมาก — และวัฒนธรรมของเราโดยทั่วไป — ถูกควบคุมโดยคำสอนที่ได้มาจากความลึกลับนี้ ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในตอนนี้คือการเก็งกำไร ประเด็นที่แท้จริงไม่ใช่ผู้ที่รู้คำตอบที่แน่นอน แต่คือผู้ที่เต็มใจทำทุกอย่างเพื่อทำให้ชีวิตเรามีดีขึ้นในปัจจุบัน
6. You don’t need to believe in anything, but you do need to be able to listen to what feels true in the moment, and hold enough objectivity to speak and act with respect and kindness toward yourself and those around you. And if you’re instructed or pressured to believe in anything that doesn’t resonate with you at basically every cell of your being, know that it is your internal guidance system saying: “not quite.”
คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อสิ่งใด แต่คุณต้องฟังความรู้สึกที่แท้จริงของคุณในขณะนั้น เป็นกลาง และปฏิบัติต่อตนเองและคนรอบข้างด้วยความเคารพและความเมตตา
7. Your struggles will be what make you what you are. Discomfort is the pressure usually required to make us act in a way that we wouldn’t otherwise. This, on the surface, feels scary, because it is unknown. But the most difficult moments of your life will be the catalysts of your becoming. The challenges will grow you into someone you never imagined you could be. The ‘bad’ things in your life will be the necessary leeways into things better than you can imagine. You will be grateful things didn’t turn out the way you wanted. You will be grateful for what you struggle with once you get to the other side.การต่อสู้ของคุณทำให้คุณประสบความสำเร็จความเครียดทำให้เรารู้สึกไม่สบาย โดยปกติแล้วเมื่อเราจำเป็นต้องทำสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน เมื่อดูเผินๆ สิ่งนี้น่ากลัวเพราะไม่มีใครรู้จัก แต่ช่วงเวลาที่ยากที่สุดในชีวิตของคุณสามารถทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการเติบโตของคุณได้ ความท้าทายเหล่านี้จะทำให้คุณเติบโตมากกว่าที่คุณจินตนาการ สิ่งที่ “เลวร้าย” ในชีวิตเป็นเส้นทางที่แน่นอนไปสู่สิ่งที่ดีกว่าที่คุณเคยจินตนาการ คุณจะดีใจที่สิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คุณต้องการตั้งแต่แรก เมื่อคุณไปถึงอีกด้านหนึ่ง คุณจะรู้สึกขอบคุณสำหรับการต่อสู้ดิ้นรนของคุณ
จาก 101 บทความเปลี่ยนชีวิตที่จะเปลี่ยนวิธีคิดคุณ (101 Essays That Will Change The Way You Think) ผู้เขียน Brianna Wiest
ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์