WHY YOU SHOULD THANK THE PEOPLE who have HURT YOU MOST IN LIFE
เหตุผลที่ควรรู้สึกขอบคุณคนที่ทำร้ายคุณมากที่สุด
Why You Should
Thank The People
who have
Hurt You
Most In Life
“You should thank the people who hurt you most in life because those relationships didn’t actually hurt you, they showed you an unhealed part of yourself, a part that was preventing you from being truly loved.”
— Brianna Wiest, 101 Essays That Will Change The Way You Think
คุณควรขอบคุณคนที่ทำร้ายคุณมากที่สุดในชีวิต เพราะความสัมพันธ์เหล่านั้นไม่ได้ทำร้ายคุณจริงๆ พวกเขาแสดงให้คุณเห็นถึงส่วนที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาในตัวคุณ ส่วนที่ขัดขวางคุณจากการถูกรักอย่างแท้จริง
01. The people who were able to hurt you most were also the people whom you were able to love the most. We aren’t profoundly affected by people who aren’t already deeply within our hearts. For someone to have that much importance in your life is sacred, even when it goes askew. It’s a gift to know someone who was able to truly affect you, even if at first it didn’t seem like it was for the best. คนที่ทำให้คุณเจ็บที่สุดก็คือคนที่คุณรักที่สุดเช่นกันสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความรักไม่ใช่ความเกลียด แต่เป็นความเฉยเมย คนที่เราไม่สนใจจะไม่สร้างคลื่นในใจเรา และโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจะไม่มีผลกระทบใดๆ กับเรา
02. Difficult relationships often push you to change your behavior for the better. In feeling helpless, you learn to take care of yourself. In feeling used, you recognize your worth. In being abused, you develop compassion. In feeling like you’re stuck, you realize there is always a choice. In accepting what was done to you, you realize that nobody has control at the end of the day, but in surrendering the need for something we’ll never have, we can find peace, which is what we were actually seeking in the first place. ความเจ็บปวดทางอารมณ์มักทำให้คุณเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้นคุณสามารถเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองเมื่อคุณทำอะไรไม่ถูก คุณจะรับรู้ถึงคุณค่าของคุณเมื่อคุณรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ เมื่อมีคนปฏิบัติต่อคุณไม่ดี คุณจะพัฒนาความเห็นอกเห็นใจ เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองติดขัด คุณจะพบว่ามีตัวเลือกที่ดีกว่าเสมอ เมื่อคุณยอมรับสิ่งที่คุณต้องอดทน คุณจะตระหนักได้ว่าท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครสามารถควบคุมทุกสิ่งได้ เมื่อคุณละทิ้งการไล่ตามสิ่งที่คุณไม่สามารถมีได้ คุณจะพบความสงบสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องการจริงๆ ในตอนแรก
03. What you learn and who you become is more important than how you temporarily feel. That relationship may have seemed almost unbearable at the time, but the feeling is transitory. The wisdom and grace and knowledge that you carried with you afterwards aren’t. They set a foundation for the rest of your life. The ends far outweigh the means, and to be grateful for what you’ve been through is to completely acknowledge that. สิ่งที่คุณเรียนรู้และสิ่งที่คุณกลายเป็นนั้นมีความสำคัญมากกว่าความรู้สึกของคุณในขณะนั้นความรู้สึกเจ็บปวดอาจดูทนไม่ไหว แต่ความรู้สึกนั้นเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และสติปัญญา ความกรุณา และความเข้าใจที่คุณมีจะวางรากฐานสำหรับชีวิตหน้าของคุณ ผลลัพธ์มีความสำคัญมากกว่ากระบวนการมาก และเมื่อตระหนักรู้สิ่งนี้ คุณจะรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่คุณได้สัมผัส
04. You don’t come across these people by accident; they were your teachers and catalysts. In the words of C. Joybell C., we’re all stars that think they’re dying until we realize we’re collapsing into supernovas — to become more beautiful than ever before. It often takes the contrast of pain to completely appreciate what we have, and it often takes hate to incite self-recognition. Sometimes the way light enters us is, in fact, through the wound. การพบปะผู้คนเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พวกเขาเป็นครูและตัวเร่งการเติบโตของคุณตามคำพูดของผู้เขียน ซี. จอยเบลล์ ซี. เราทุกคนคิดว่าเรากำลังจะตายจากดวงดาว จนกว่าเราจะรู้ว่าเรากำลังพังทลายลงเป็นซูเปอร์โนวา — กลายเป็นความงามยิ่งกว่าที่เคย เรามักจะต้องผ่านการเปรียบเทียบที่เจ็บปวดก่อนที่จะรู้สึกขอบคุณสิ่งที่เรามีจากก้นบึ้งของหัวใจ เราจำเป็นต้องใช้ความเจ็บปวดเพื่อกระตุ้นการตระหนักรู้ในตนเอง บางครั้งแสงต้องลอดผ่านรอยแตกจึงจะส่องเข้าไปในทุกสิ่งได้
05. Even if it wasn’t your fault, it is your problem, and you get to choose what you do in the aftermath. You have every right to rage and rant and hate every iota of someone’s being, but you also have the right to choose to be at peace. To thank them is to forgive them, and to forgive them is to choose to realize that the other side of resentment is wisdom. To find wisdom in pain is to realize that the people who become “supernovas” are the ones who acknowledge their pain and then channel it into something better, not people who just acknowledge it and then leave it to stagnate and remain. แม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่เป็นปัญหาที่คุณต้องแก้ไข และคุณจะต้องเลือกวิธีจัดการกับผลที่ตามมาคุณมีสิทธิ์ที่จะโกรธ คำราม เกลียด และคุณยังมีสิทธิ์ที่จะเลือกที่จะสงบ การเปลี่ยนความเจ็บปวดให้เป็นปัญญา หมายถึงการยอมรับความเจ็บปวดแล้วชี้นำความเจ็บปวดไปในทิศทางที่ดีขึ้น แทนที่จะแค่ยอมรับความเจ็บปวดแต่ไม่ทำอะไรเลย และปล่อยให้ความเจ็บปวดยังคงอยู่ต่อไป
06. The people who have been through a lot are often the ones who are wiser and kinder and happier overall. This is because they’ve been “through” it, not “past” it or “over” it. They’ve completely acknowledged their feelings and they’ve learned and they’ve grown. They develop compassion and self-awareness. They are more conscious of who they let into their lives. They take a more active role in creating their lives, in being grateful for what they have and in finding reasons for what they don’t. ผู้ที่มีประสบการณ์มามากมักจะฉลาดกว่า ใจดีกว่า และมีความสุขมากกว่านี่เป็นเพราะพวกเขา “มีประสบการณ์” มากกว่าที่จะ “หลีกเลี่ยง” หรือ “หลบเลี่ยง” มัน พวกเขายอมรับความรู้สึกของตนอย่างเต็มที่และเรียนรู้และเติบโตจากพวกเขา พวกเขาพัฒนาความเห็นอกเห็นใจและความตระหนักรู้ในตนเองว่าใครควรปล่อยให้เข้ามาในชีวิต พวกเขาจะซาบซึ้งกับสิ่งที่พวกเขามีและกระตือรือร้นที่จะแสวงหาเหตุผลสำหรับสิ่งที่พวกเขาไม่ทำ
07. It showed you what you do deserve. Those relationships didn’t actually hurt you; they showed you an unhealed part of yourself, a part that was preventing you from being truly loved. That’s what happens when we finally get past hurtful experiences and terrible relationships: We realize we are worth more, and so we choose more. We realize how we blindly or naively said “yes” to someone or gave them our mind and heart space when we didn’t have to. We realize our role in choosing what we want in our lives, and by experiencing what seems like the worst, we finally acknowledge that it feels so wrong because we deserve so much more. คนที่ทำร้ายคุณ แสดงสิ่งที่คุณสมควรได้รับความสัมพันธ์ของคุณไม่ได้ทำให้คุณเจ็บปวดจริงๆ แต่แค่แสดงให้คุณเห็นส่วนที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาในตัวคุณที่ฉุดรั้งคุณไว้จากความรักที่แท้จริง เมื่อเราก้าวต่อไปจากประสบการณ์ที่เจ็บปวดและความสัมพันธ์ที่ไม่ดี ในที่สุด เราก็ตระหนักว่าเรามีค่ามากขึ้น และเราเลือกที่จะได้รับมากขึ้น เราตระหนักดีว่าเรามอบหัวใจให้ผู้อื่นอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าหรือไร้เดียงสาด้วยการตอบตกลง เราจะตระหนักว่าเราถ่อมตัวเพียงใดในการแสวงหาความสัมพันธ์ที่เรา “ไม่สามารถขอได้” เมื่อได้เผชิญกับสิ่งที่ดูแย่ที่สุด ในที่สุดเราก็ค้นพบว่าความรู้สึกในอดีตของเรานั้นผิดเพราะเราสมควรได้รับมากกว่านี้
08. Truly coming to peace with anything is being able to say: “Thank you for that experience.” To fully move on from anything, you must be able to recognize what purpose it served and how it made you better. Until that moment, you’ll only be ruminating over how it made things worse, which means you’re not to the other side yet. To fully accept your life — the highs, lows, good, bad — is to be grateful for all of it, and to know that the “good” teaches you well, but the “bad” teaches you better. การเผชิญทุกสิ่งอย่างสงบอย่างแท้จริงคือการสามารถพูดว่า: “ขอบคุณที่ให้ประสบการณ์นั้นแก่ฉัน”ในการกำจัดบางสิ่งบางอย่างไปในทางที่ดี คุณต้องตระหนักว่ามันหมายถึงอะไร และมันทำให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นได้อย่างไร ก่อนหน้านั้นคุณจะรู้สึกเสียใจกับตัวเองเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าคุณยังไปไม่ถึงอีกด้านหนึ่งของสติปัญญา ยอมรับชีวิตของคุณอย่างเต็มที่ ทั้งช่วงขึ้น ช่วงตกต่ำ ช่วงเวลาที่ดี และช่วงเวลาที่แย่ จงขอบคุณมันทั้งหมด กลิ้งไปตามกระแสในช่วงเวลาที่ดี และหันหลังกลับในช่วงเวลาที่เลวร้าย
จาก 101 บทความเปลี่ยนชีวิตที่จะเปลี่ยนวิธีคิดคุณ (101 Essays That Will Change The Way You Think) ผู้เขียน Brianna Wiest
ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์